ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (23-27 ส.ค.2564) พบว่า
ดัชนี SET (SET Index) เพิ่มขึ้น 29.13 จุด หรือ 1.84% มาอยู่ที่ 1,611.20 จุด โดยดัชนีทยอยปรับขึ้นสู่ระดับ 1,600 จุด ภายหลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศปรับตัวลงต่อเนื่องต่ำกว่าระดับ 2 หมื่นรายต่อวัน
นอกจากนี้ ในช่วงปลายสัปดาห์ SET Index ยังได้ปัจจัยหนุนจากที่ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ชุดเล็กมีมติคลายล็อกดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัด และในเวลาต่อมาที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่มีมติเห็นชอบให้ผ่อนคลายมาตรการคุมเข้ม มีผลวันที่ 1 ก.ย.นี้
ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่ปรับขึ้นหนุนตลาดมากที่สุด นำโดย กลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BANK) 9.07% กลุ่มปิโตรเคมี (PETRO) 5.79% และกลุ่มเหล็ก (STEEL) 5.52% ส่วนการซื้อขายแบ่งตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิสูงสุด 13,405.07 ล้านบาท กองทุน 8,070.18 ล้านบาท และบัญชีหลักทรัพย์ 2,568.00 ล้านบาท ส่วนรายย่อยขายสุทธิ 24,043.25 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส ระบุว่า ที่ประชุมศบค.ผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจต่างๆ ในพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ 1. อนุญาตให้นั่งทานอาหารในร้าน โดยร้านที่ติดแอร์ให้ใช้พื้นที่ได้ 50% และร้านที่ไม่ติดแอร์ใช้พื้นที่ได้ 75% 2. อนุญาตให้เปิดร้านตัดผม ร้านนวด (เฉพาะเท้า) สวนสาธารณะ และสถานออกกำลังกาย และ 3. ระยะเวลาเคอร์ฟิวยังคงเดิมที่ 21.00-04.00 ไปต่ออีกอย่างน้อย 14 วัน
โดยฝ่ายวิจัยมองเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดหุ้นไทย และเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้นกลุ่มร้านอาหารและศูนย์การค้า ได้แก่ M MINT CENTEL CPN และ CRC ทั้งนี้ หุ้นในกลุ่มเปิดเมือง (Reopen) คาดว่าบางกลุ่มธุรกิจที่รัฐบาลยังไม่ปลดล็อคจะมีกระแสเก็งกำไรในอนาคต หรือที่ปลดล็อคไปแล้วในช่วงก่อนหน้า คาดว่าจะยังมีกระแสบวกหนุนราคา
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุว่า บริษัทมีมุมมองเชิงบวกต่อมาตรการผ่อนคลายล็อกดาวน์ โดยคาดว่าจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มห้างสรรพสินค้าและอสังหาริมทรัพย์พื้นที่ให้เช่า เช่น CPALL CPN CRC BJC และ HMPRO กลุ่มร้านอาหาร เช่น M และ ZEN กลุ่มร้านสินค้าไอที COM7 และ SPVI รวมถึงร้านสปา SPA เป็นต้น