นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 3/2564 ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าที่ประชุมเห็นชอบจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม ประจำปี 2565 จำนวน 1,224.8801 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายให้ผู้ประกอบการได้รับการส่งเสริมและพัฒนาให้วิสาหกิจ
ขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) อยู่รอด หลังการแพร่ระบาดโควิด-19 บรรเทาปัญหาและฟื้นฟูธุรกิจที่ได้รับ
ผลกระทบรวมทั้งสร้างความพร้อมให้ SME ในการเข้าสู่ การแข่งขันในบริบทใหม่ทางเศรษฐกิจ และอยู่อย่างยั่งยืนคือ การปรับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้ เกิดความสะดวกแก่ SME
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสั่งการให้เร่งพัฒนา Single sign on (SSO) ระบบฐานข้อมูลสมาชิก สสว. เพื่อเชื่อมโยงการบริการและแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ ย้ำการใช้เงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ เกิดความคุ้มค่า และประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SME โดยตรง
นอกจากนี้ ได้สั่งการในที่ประชุมให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมหรือปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่ยังล้าสมัยให้ทันกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยให้คำนึงถึงการประกอบธุรกิจหลังสถานการณ์โควิด-19 และผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนที่จะได้รับ ซึ่งสามารถหารือร่วมกับสำนักงานขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง(สำนักงาน ป.ย.ป. )และคณะทำงานด้านการปฏิรูปเศรษฐกิจ
เพื่อให้เกิดการต่อยอดเศรษฐกิจ ยกระดับ SME รวมถึงการส่งเสริมให้มีพี่เลี้ยงสนับสนุนพัฒนาผู้ประกอบการ เพื่อพัฒนาขึ้นเป็น SME รายใหม่ ด้วยการบูรณาการทำงานร่วมกันกับศูนย์บ่มเพาะต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วประเทศ เช่น ศูนย์ดิจิทัล ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อให้การทำงานเชื่อมโยงกันเป็นระบบและไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
พร้อมกำชับให้เร่งแก้อุปสรรคและข้อจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของ SME โดยจัดทำข้อมูลของ SME ให้ชัดเจนเพื่อใช้พิจารณาช่วยเหลือผู้ประกอบการแต่ละกลุ่มเข้าถึงสินเชื่อและแหล่งเงินทุนแต่ละประเภทได้อย่างเหมาะสม รวมทั้งใช้ข้อมูลการบริหารงบประมาณของในส่วนของการพัฒนาจังหวัด กลุ่มจังหวัดประกอบด้วย เพื่อเร่งสร้างงานและรายได้ให้กับประชาชนได้มากขึ้นส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย