นายอิศเรศ จิราธิวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์,
เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และ เซ็นทรัล วิลเลจ ลักชัวรีเอาต์เลต กล่าวว่า ได้ผนึกกำลังและจับคู่ธุรกิจ (BusinessMatching) กับพันธมิตรทุกระดับในรูปแบบต่างๆ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย และคู่ค้าผู้เช่ากว่า 15,000 รายทั่วประเทศ เข้าถึงแหล่งทุนง่ายขึ้น
ล่าสุด จับมือกับสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ บริษัท อินเวสทรี (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้ให้บริการ Crowdfunding Platform ที่ได้รับความเห็นชอบจาก ก.ล.ต.ช่วยแก้ปัญหาสภาพคล่องให้กลุ่มเอสเอ็มอีที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน สามารถใช้ใบแจ้งหนี้การค้าหรือสัญญากับเซ็นทรัลพัฒนา
"เรานำ pain-point ของผู้เช่ามาปรับให้เป็น gain-point ด้วยการใช้นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมธุรกิจให้เติบโตไปได้ด้วยกันอย่างอย่างยั่งยืน"
ทั้งนี้ ได้เปิดตัว CentralPattana‘Serve’ Application ช่วยเหลือคู่ค้าแบบครบวงจรนับเป็นรายแรกของวงการศูนย์การค้าไทยของ "Application&Solution" ในการบริหารจัดการร้านค้าในพื้นที่ด้วยตัวเองทั้งติดต่อศูนย์การค้า ทำธุรกรรม รับข้อมูลข่าวสาร เข้าถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงเตรียมเปิดตัวโปรแกรม The1Biz : Effective CRM เพิ่มยอดขายให้คู่ค้าและแผนสนับสนุนต่อเนื่องทั้งปีเพิ่มการเข้าถึงลูกค้ามากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้เพื่อดูแลผู้ประกอบการรายย่อยที่ดำเนินธุรกิจร่วมกับศูนย์การค้าที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 4,500 ราย เช่น ร้านค้าในโซนฟู้ดพาร์ค แฟชั่นพลัส และอี-เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลพัฒนาช่วยเหลือแบบ 360 องศา ทั้งการปรับลดค่าเช่าตามความเหมาะสมต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ เซ็นทรัลพัฒนา จัด “Multi-BankLoans” ช่วยเหลือผู้เช่าหลักผ่าน 7 สถาบันการเงิน ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย, ธนาคารกรุงไทย, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์, ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต และธนาคารออมสิน ให้เข้าถึงสินเชื่อฟื้นฟู หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) และวงเงินO/D เพื่อเสริมสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ ด้วยระบบ Grading ฐานข้อมูล Credit Score หรือความน่าเชื่อถือของคู่ค้าเซ็นทรัลพัฒนาที่ช่วยออกแบบ (Tailor-Made) แผนสินเชื่อให้คู่ค้าแต่ละรายได้
สำหรับ “อินเวสทรี” ก่อตั้งมาเพื่อช่วยธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงเงินทุนในรูปแบบใหม่ที่สะดวกและเร็ว ผ่านการระดมทุนจากนักลงทุนโดยตรง ด้วยอัตราที่สมเหตุสมผลและกระบวนการระดมทุนที่โปร่งใส ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพียงใช้ “ใบแจ้งหนี้การค้า” หรือ สัญญาที่มีกับเซ็นทรัลพัฒนามาประกอบคำขอ ขณะเดียวกันฝั่งนักลงทุนเองก็ได้โอกาสลงทุนในผลิตภัณฑ์ใหม่ กระจายการลงทุนไปในธุรกิจที่หลากหลายมากกว่าเดิม
โดยปัญหาสำคัญที่เอสเอ็มอีไทยพบ คือ เมื่อคู่ค้าหรือลูกค้ายืดเวลาการชำระเงินค่าสินค้าออกไปเอสเอ็มอีจะประสบปัญหาขาดสภาพคล่องในระยะสั้น หากเข้าไม่ถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ เพราะไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หลายรายไม่มีทางเลือกและจำเป็นต้องหันหน้าหาเงินกู้นอกระบบ
ซึ่งบริการ Investment-based Crowdfunding ในรูปแบบของการออกหุ้นกู้ จะเป็นทางเลือกให้เอสเอ็มอี ซึ่งเส้นเลือดฝอยของระบบเศรษฐกิจไทย แต่โอกาสเข้าถึงสินเชื่อมีสัดส่วนไม่ถึง 1% ของจีดีพี ขณะที่สินเชื่อภาคธุรกิจมีถึง 85% ของจีดีพี เป็น Credit Gap ที่ใหญ่มากในระบบการเงินไทย