͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: 1 วัน 2 คดี  'ณวัฒน์' ลุยแหลก  ฟ้องหมิ่น 'อ.กบ - บลูสกาย' ด่าสัญชาติชั่ว!  (อ่าน 141 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 18534
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ลุยฟ้องแหลก สำหรับ “ณวัฒน์ อิสรไกรศีล” ที่เคยคุยกับ "หมอของขวัญ" ในรายการ "โหน กะ แฉ" ที่ช่วงบ่ายวันที่ 13 ส.ค. ได้เดินทางไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีต่อ “พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าศูนย์บริหารงานโควิด-19 ในมาตรา 157 โดยเจ้าตัวเผยถึงสาเหตุที่มาฟ้องว่า เป็นเพราะนายกฯ ปล่อยปละละเลย ทำให้เกิดความเสียหายต่อตนเอง พร้อมชักชวนญาติผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ให้มาร่วมฟ้องด้วย

“ฟ้องท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา ในมาตรา 157 คือปล่อยปละละเลยในหน้าที่ ก่อให้เกิดความเสียหายกับตัวผมค่อนข้างชัดเจน เพราะผมก็เพิ่งเป็นโควิด และต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง แล้วตั้งแต่เริ่มต้นจนป่านนี้ ชีวิตก็เลือกอะไรไม่ได้สักอย่าง จนตอนนี้ไม่เคยได้ฉีดวัคซีนเลย เคยร้องขอวัคซีนตั้งแต่การประกวดมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ขอกับท่านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ โทรขอทุกอย่างเพราะมีนางงามติดโควิดอยู่ในกอง นั่นคือนางงามสองประเทศ เรารักษาเขาจนหาย เราก็ค่อนข้างเสี่ยง ไม่ได้รับการอนุญาตในวัคซีน ต้องไปขออนุญาตกทม.ก็ไม่ได้

จนในที่สุดมีการลงทะเบียน ก็มีการเททิ้งกันไป ในที่สุดผมก็ตัดสินใจ ผมเป็นประชาชนชาวไทยเสียภาษีถูกต้องทุกอย่างและเสียภาษีเยอะมาก แต่ผมต้องจองโมเดอร์น่า 161 โดสกับรพ.ลาดพร้าว จ่ายเงินสด 2 แสนกว่าให้พนักงานผมทุกคน รวมถึงให้ตัวผมในการวางแผน จนป่านนี้ไม่รู้โมเดอร์น่าจะมาเมื่อไหร่ สอบถามก่อนมาที่นี่ รพ.บอกว่าขึ้นอยู่กับรัฐบาล เพราะไม่มีกำหนดการที่แน่นอน เราต้องถูกการกระทำย่ำยีในสิทธิ์ที่เราควรมี เราเป็นประชาชนชาวไทย แต่ไม่เคยได้รับการดูแลเลย จะบอกว่าการมีรัฐบาลหรือนายกฯ เราไม่เคยได้รับข้อมูลหรือไดเร็กชั่นที่ชัดเจนว่าชีวิตเราจะปลอดภัย

ฉะนั้นผมเองเป็นคนนึงที่กระทบ วัคซีนก็ต้องซื้อเอง สว็อปตัวเอง จ่ายครั้งละ 3 พันกว่าบาท การันตีว่าไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งเพราะอยู่ในวงการบันเทิง ผมก็จ่ายเงินเอง หน้ากาก เจลล้างมือก็ซื้อเอง การเจ็บไข้ได้ป่วยครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง แต่โชคดีที่ผมซื้อประกัน ประกันก็รับผิดชอบให้ส่วนหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังเคลียร์ค่าใช้จ่ายกันไม่หมด เพราะผมหนีออกจากรพ. การรักษาก็ถูกละเมิดจากแพทย์ที่มีรสนิยมทางการเมืองไม่เหมือนกันอัดคลิปเสียงผมไปปล่อย มีประจักษ์หลักฐานแต่ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ไหนจะกล้องวงจรปิดอีก มันไม่มีความปลอดภัยในชีวิตผม วันนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป

ผมตัดสินใจลาออกจากการทำงานในวงการบันเทิง 25 ปี ด้วยรายรับต่อปี ต่อเดือนมหาศาล หลายล้านบาท ก็มีผลมาจากท่านประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยตรง ที่ทำให้ผมต้องหมดอาชีพการเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ที่ผมตัดสินใจ ขณะอยู่บนเตียง ผมคิดว่ายังไงรักษาชีวิตดีกว่า เราต้องรักตัวเอง ผมยอมเสียสละตัวเองแล้ว เพื่อให้ท่านดูแลเรามากกว่านี้ แต่ผมไม่เห็นว่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ ถ้าเป็นไปได้ทุกวันนี้คงไม่มีคนตายข้างถนน ยอดผู้ตายผู้ติดเชื้อคงไม่เพิ่มขึ้นทุกวันแบบนี้ วันนี้เลยตัดสินใจเป็นทางการ มาฟ้องท่านอย่างเป็นทางการ มาตรา 157 ปล่อยปละละเลย ซึ่งทำให้เกิดผลเสียหายต่อตัวผมครับ

ตัดสินใจไม่นาน เพราะเรามีเวลาอยู่รพ.ค่อนข้างเยอะ เกือบเดือน ผมก็คิดอยู่แล้ว ถ้าเป็นประเทศอื่นเขาดูแลอยู่แล้วถ้าอยู่ในระบอบประชาธิปไตย โดยมีระบบที่ชัดเจน แต่ประเทศเรา เราก็ยอมรับว่าเราพึ่งพาอาศัยกันได้ แต่ถ้าไม่รู้ทิศทางเลยเราก็ลำบากใจ แล้วเรามี 157 ก็เป็นสิทธิ์ของเราสามารถใช้ความยุติธรรมที่มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ เรียกร้องในสิ่งที่เราเห็น เป็นประจักษ์ และเกิดขึ้นกับตัวผมเอง ได้ปรึกษาท่านนายกสมาคมทนายความ ท่านก็ให้ความรู้ เอาเป็นว่าผมเองได้ยื่นเรียบร้อยแล้ว แต่ปลายเดือน วันที่ 30 จะนัดมาดูผลอีกที

ถามว่าคุ้มค่ากับสิ่งที่เสียไปไหม ไม่มีคำว่าคุ้มค่าเป็นตัวเงิน แต่มันเป็นบรรทัดฐานของสังคมประชาธิปไตย อย่าลืมว่าคำว่ารับผิดชอบประเทศไทย คนไทยทุกคนเป็นเจ้าของประเทศ ระบอบนี้เจ้าของประเทศคือผู้เสียภาษี ย่อมสามารถรู้ได้ว่าเราจะปลอดภัยได้อย่างไร แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด โควิดเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของสังคมโลกและสังคมไทยแต่ทำไมผู้ดูแลโปรเจกต์ถึงเป็นอย่างที่ผ่านมา และเราต้องมาเผชิญ ต้องคอยรองรับสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเอง อยากสร้างบรรทัดฐาน ไม่ว่าคุณจะอยู่ตำแหน่งใดก็ตาม ความรับผิดชอบคุณต้องมี เมื่อคุณอาสามารับตำแหน่งนี้คุณต้องรับผิดชอบได้ ถ้ารับผิดไม่ได้รับฟังบ้างก็ยังดี แต่พูดตรงๆ ณ วันนี้ท่านก็ทำตามสไตล์ท่านไป ก็ไม่รู้จะไปทางไหน ผมฟ้องในนามส่วนตัว

สำหรับรัฐบาลวันนี้คู่กรณีไม่ได้มีแค่ผมคนเดียว คนไทยเกือบทั้งประเทศ ผมว่าไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ผมภาวนาให้ญาติผู้เสียชีวิตมาแจ้งความทั้งหมด อย่างวันนี้ข่าวหมอแอ้ม ผมว่าแย่มาก ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ ห่างกันสัปดาห์นึงก็เป็นตัวเขา น้องเขาควรมาแจ้ง ใครเป็นเหมือนรอความตาย คนไม่เป็นโควิดไม่มีวันรู้ มันพลิกได้ภายในค่ำคืน ใครไม่เป็นก็รักษาตัวเอง ถ้าแดงจัดเมื่อไหร่ คุณจะเพี้ยนไปเลย อาการพลิกไปเลยคนละเรื่อง มันหลุดไปอีกโลกนึง มันอันตรายมาก คนมีญาติผู้เสียชีวิต อย่าลืมมา 157 ช่วยคุณได้ ไม่ได้อะไรแต่ก็ได้บรรทัดฐาน ตอนนี้ไม่รู้แสงสว่างปลายอุโมงค์เลย

คดีนี้แรงนะ ผมยอมรับว่าตอนจั่วหัวมาก็แรง เพราะคู่กรณีคือนายกฯ แต่ถ้าเราไม่ทำมันก็ไม่เริ่ม มันต้องทำ เราทำในสิ่งที่เหมาะสม ท่านเป็นคนดูแลเรา ท่านเป็นลูกจ้างเรา เราไม่สนใจว่าท่านจะมาแบบไหนก็แล้วแต่ จะเหาะมา หรืออะไรมา แต่ในเมื่อท่านมาแล้ว ท่านมาก็ต้องรับผิดชอบถ้าจะเอาแต่ชอบ ผิดไม่รับไม่ได้ ต้องสอนให้ทุกคนไม่ว่าแก่แค่ไหนก็ตาม ตรงนี้ไม่ใช่ที่เสวยสุข ไม่ใช่ที่มาเล่นๆ มันเป็นความเป็นความตาย ไม่อยากให้เลยเถิด เพราะถ้าไม่จบ บอกเลยนะ เศรษฐกิจจะพังกว่านี้อีกเยอะ จะพินาศเลย แล้วจะไปทางไหน โอเค ทุกคนเครียดม็อบก็ออก เครียดเพราะเขาไม่มีทางไป ไม่มีคำตอบ ถ้าสังคมกินอิ่มนอนหลับมีเงินใช้ใครจะออกมา ตอนนี้ดูไม่ได้แล้วสภาพประเทศไทย”

ขณะที่ทนายเผยว่า ขั้นตอนการฟ้องร้อง มีตัวโจทก์เป็นผู้ดำเนินการ พร้อมรายชื่อประชาชน 7 แสนชื่อที่ได้รับความอนุเคราะห์จาก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ในนามพรรคไทยสร้างไทย มาเป็นประเด็นประกอบ ในความล้มเหลวในการบริหารจัดการของนายกฯ ณวัฒน์พูดละเอียดมาก ณวัฒน์และประชาชน 7 แสนคนได้รับผลกระทบ เมื่อศาลรับฟ้องไปแล้ว ศาลจะนัดมาฟังคำสั่งอีกครั้ง ว่ารับเป็นคดีเพื่อพิจารณาต่อไปไหม วันที่ 30 ส.ค.เวลา 09.00 น. หลังจากนั้นถ้ารับก็ไต่สวนมูลฟ้องโดยนำพยานประชาชนทั้งหมด ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการบริหารงานที่ผิดพลาดล้มเหลว มาสืบพยานในศาลต่อไปจนกว่าจะครบถ้วน และศาลมีคำสั่งว่าจะรับคดีนี้ไว้ มีมูลหรือไม่อย่างไร ขั้นตอนจะเยอะหน่อยเพราะไม่ใช่ศาลอาญาปกติ

สิ่งต่างๆ ที่ได้รับจากประชาชน เป็นผลกระทบอย่างไรก็อยู่ในสำนวนที่นำเรียนศาลอาญาทุจริตฯ ไปหมดแล้ว อยู่ที่ศาลจะใช้ดุลยพินิจในการประกอบรับสำนวนหรือไม่อย่างไร เราคงต้องรอวันที่ 30 ส.ค. จากนั้นจะมีรายละเอียดเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเช้า ณวัฒน์ได้ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท “นายกฤษณ์พงศ์ เกียรติศักดิ์” หรือ “อาจารย์กบ” พิธีกรรายการฟ้าวันใหม่นิวส์ เป็นจำเลยที่ 1 และบริษัท บลู สกาย แชนแนลจำกัด ในฐานะเข้าของสถานีโทรทัศน์ช่องฟ้าวันใหม่ เป็นจำเลยที่ 2 ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 328 หลังจากที่นายกฤษณ์พงศ์ ได้จัดรายการฟ้าวันใหม่นิวส์เมื่อวันที่ 22 ก.ค. ละเมิดและหมิ่นประมาทอย่างชัดเจน คือบอกว่าณวัฒน์ไม่ได้ป่วยจริง จัดฉาก สร้างดรามา โจมตีรัฐบาล รวมทั้งได้กล่าวหาว่าเป็นโรคไบโพลาร์ อารมณ์สองขั้ว ส่วนที่ทำให้รู้สึกย่ำแย่มากคือการที่นายกฤษณ์พงศ์พูดว่าตนเป็นโรคสัญชาติชั่ว จึงฟ้องเป็นตัวอย่าง เพื่อไม่อยากให้หลาย คน สนุกกับการพูดไม่จริง ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 15 พ.ย. นี้