นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค และประธาน ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการที่นายกฯ จะส่งจดหมายเชิญมหาเศรษฐีให้มาร่วมมือกันฝ่าวิกฤติ
โควิด-19 แล้วถูกวิจารณ์ว่าเป็นการทำจดหมายไปขอเงินนั้นว่า การที่มีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันมากน่าจะเกิดจากการแก้ไขปัญหาเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจของรัฐบาลไม่สามารถทำให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าจะได้รับการช่วยเหลืออย่างทั่วถึงประกอบกับการบริหารจัดการของรัฐบาลเรื่องเงินเยียวยาประชาชนก็สร้างความสับสนทำให้คนส่วนหนึ่งไม่แน่ใจว่ารัฐบาลมีเงินเพียงพอที่จะดูแลประชาชนหรือไม่ เริ่มตั้งแต่เงินเยียวยา 5,000 บาท เดี๋ยวบอกจะจ่ายให้ 3 เดือน เดี๋ยว 6 เดือน สุดท้ายก็กลับมา 3 เดือน รวมถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดทำให้คนส่วนหนึ่งเข้าใจผิดว่ารัฐบาลจะมีเงินเยียวยาแค่ 1 เดือน ก็ทำให้ความเชื่อมั่นในเรื่องเงินของรัฐบาลลดลง เพราะฉะนั้นเมื่อนายกฯ ออกมาบอกว่าจะส่งจดหมายถึงมหาเศรษฐีให้มาร่วมมือกันฝ่าวิกฤติทั้ง ๆ ที่จดหมายยังเขียนไม่เสร็จเนื้อหาสาระยังไม่ชัดเจนว่าเขียนไม่ว่าอย่างไร ก็ย่อมทำให้คนส่วนหนึ่งมองได้ว่าจะทำจดหมายไปขอเงินมหาเศรษฐีมาใช้จ่ายเยียวยาประชาชนเพราะภาพของเศรษฐีจะมาคู่กับเงิน ๆ ทอง ๆ ทั้ง ๆ ที่นายกรัฐมนตรี อาจจะไม่มีเจตนาเช่นนั้น
นายองอาจ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็เป็นอีกกรณีหนึ่งที่นายกรัฐมนตรี มีปัญหาเรื่องการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤตแบบไม่ถูกที่ไม่ถูกเวลา สาระไม่ชัดเจน ทำให้เกิดการตีความได้หลายแง่มุม ถ้านายกฯ เขียนจดหมายเรียบร้อยแล้วนำ เนื้อหาสาระมาเปิดเผยตรงประเด็น อาจทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ลดลง
ทั้งนี้ หากเป็นไปตามที่โฆษกรัฐบาลออกมาบอกว่า นายกรัฐมนตรี ตั้งใจอยากเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกคนโดยตรงจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาจริง ก็ควรเชิญชาวบ้านที่เดือดร้อนลำบากจากผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 มารับฟังด้วยไม่ควรฟังแต่มหาเศรษฐีที่มีประสบการณ์บริหารธุรกิจจนร่ำรวยให้มาช่วยเสนอความคิดเห็นว่าจะช่วยกันแก้ไขผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี อาจพบกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบโดยตรงร่วมกับตัวแทนกลุ่มองค์กร NGO ภาคประชาสังคมที่ทำงานใกล้ชิดชาวบ้านซึ่งรับรู้ปัญหาและอาจมีวิธีแก้ไขที่เป็นประโยชน์ต่อนายกรัฐมนตรี ในการนำข้อมูลไปแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น และการที่นายกฯ จะฟังข้อมูลจากภาคส่วนต่าง ๆ เป็นเรื่องที่ทำได้แต่ควรรับฟังให้รอบด้านเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
