อิตาลีกลายเป็นประเทศที่ 2 ของโลกที่มีผู้เสียชีวิตเพราะไวรัสโควิด-19 มากกว่า 20,000 ศพ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานป้องกันพลเรือนอิตาลีเปิดเผยในวันจันทร์ที่ 13 เม.ย. 2563 ว่า มีผู้เสียชีวิตจากไวรัส
โควิด-19 ในประเทศอีก 566 ศพภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งนับว่ามากกว่ายอดเมื่อวันอาทิตย์ 135 ศพ ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดในอิตาลีเพิ่มขึ้นเป็น 20,465 ศพแล้ว
เกือบครึ่งของผู้เสียชีวิตที่พบใหม่ (280 ศพ) อยู่ในแคว้นลอมบาร์ดี ทางเหนือของอิตาลี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่การระบาดรุนแรงที่สุดในประเทศ
อย่างไรก็ตาม อิตาลีพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันน้อยลงเรื่อยๆ โดยในวันจันทร์พบเพียง 1,363 ราย หรือคิดเป็น 1.3% จากยอดผู้ติดเชื้อของวันก่อนหน้านี้ ทำให้ตอนนี้อิตาลีมีผู้ที่ยังติดเชื้อในประเทศ 103,616 ราย (ไม่รวมผู้เสียชีวิตและผู้ที่รักษาหายแล้ว)
นอกจากนี้ยังมีสัญญาณที่ดีอีกอย่างคือจำนวนผู้ป่วยในห้องไอซียู ลดลงจากช่วงพีคที่ 4,068 รายเมื่อ 3 เม.ย. เหลือ 3,260 รายในวันจันทร์
ทั้งนี้ แม้การระบาดในประเทศจะเริ่มไปในทางที่ดีขึ้น แต่เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐบาลอิตาลีตัดสินใจขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศออกไปจนถึง 3 พ.ค. ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ได้รับการสนับสนุนจากแพทย์ แต่ถูกคัดค้านจากฝ่ายธุรกิจ ที่ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะมีศักยภาพเพียงพอที่จะอยู่รอดหากไม่ได้ทำธุรกิจต่อไปอีก 3 สัปดาห์หรือไม่
ในวันอังคารนี้ (14 เม.ย.) อิตาลีเตรียมทดลองเปิดร้านหนังสือและร้านซักรีดบางแห่ง เพื่อดูว่า จะสามารถบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างในสังคม หรือ โซเชียล ดิสแทนซิง (social distancing) ได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ เพื่อการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในอนาคต