͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ศรีสุวรรณ จี้สอบกลุ่มซีพีซื้อ เทสโก้-โลตัส มีอำนาจเหนือตลาดทำลายการแข่งขัน  (อ่าน 503 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ kaidee20

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16453
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
12 มี.ค.63 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า มีการประมูลซื้อ-ขายกิจการเทสโก้ โลตัส ในประเทศไทยและในประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีผู้สนใจเข้าร่วมประมูล 3 ราย ได้แก่ กลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์  กลุ่มเซ็นทรัล และกลุ่มไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น ผลปรากฎว่า กลุ่มซีพี ชนะการประมูลซื้อเทสโก้-โลตัส ด้วยราคา 3.38 แสนล้านบาท โดย CP ALL ถือ 40% กลุ่มซีพีถือ 60% (ซีพี เมอร์แชนไดซิ่ง 20%) นั้น

การเข้ามาเป็นข้าวของกิจการค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ในกิจการของเทสโก้-โลตัสดังกล่าว อาจเข้าข่ายมีอำนาจหรืออิทธิพลเหนือตลาดได้ เนื่องจากกลุ่มซีพีมีกิจการโมเดิร์นเทรดขนาดใหญ่ คือ แม็คโครอยู่แล้วซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดถึง 37.4%  (ไทยมีโมเดิร์นเทรดเพียง 3 ราย คือ บิ๊กซี มีส่วนแบ่งตลาด 24.2% แม็คโคร มีส่วนแบ่งตลาด 37.4% และเทศโก้-โลตัส มีส่วนแบ่งตลาด 38.4%) และเมื่อเข้ามาซื้อกิจการของเทศโก้-โลตัส ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาด 38.4% ก็จะทำให้มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากถึง 75.8% นอกจากนั้นยังมีร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าปลีกขนาดเล็ก คือ 7-11 อีกนับพันแห่งทั่วประเทศ
โดยเมื่อวันที่ 18 ม.ค.2550 คณะกรรมการแข่งขันทางการค้าได้ออกประกาศเรื่อง หลักเกณฑ์การเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด โดยกำหนดกรอบของคำว่า “ส่วนแบ่งตลาดและยอดเงินขาย” ไว้ดังนี้ (1) ผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่งหรือบริการใดบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป และมียอดขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป หรือ (2) ผู้ประกอบธุรกิจสามรายแรกในตลาดสินค้าใดสินค้าหนึ่งหรือบริการใดบริการหนึ่ง ที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมารวมกันตั้งแต่ร้อยละ 75 ขึ้นไป และมียอดขายในปีที่ผ่านมาตั้งแต่หนึ่งพันล้านบาทขึ้นไป เว้นแต่มีผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งในสามรายแรกที่มีส่วนแบ่งตลาดในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าร้อยละ 10 และมียอดขายในปีที่ผ่านมาต่ำกว่าหนึ่งพันล้านบาท

ดังนั้นการเข้าซื้อกิจการเทสโก้-โลตัสของกลุ่มซีพี จึงอาจเข้าข่ายเป็น “ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาด” ซึ่งขัดต่อ ม.3 ประกอบ ม.25 และ ม.50 แห่ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการแข่งขันทางการค้า 2560 ได้ ทั้งนี้ผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอำนาจเหนือตลาดสามารถสร้างหรือทำลายการแข่งขันได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะมีผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยและผู้บริโภคโดยตรง

ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจะนำความไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า เพื่อดำเนินการวินิจฉัยและสั่งระงับการกระทำการดังกล่าวในวันศุกร์ที่ 13 มี.ค. 2563 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ณ อาคารจอดรถ 5 ชั้น ชั้น 5 ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร