͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: สพฐ. ย้ำ ตำราเรียนไข่ต้ม อยากได้สื่อ ความอดอยาก  (อ่าน 65 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chanapot

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14700
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

สพฐ. ย้ำ หนังสือเรียนไข่ต้ม ต้องการสื่อ ความยากจนข้นแค้น ไม่ว่าจะกินอะไร ก็สุขสบายได้ กระทั่งถึงพร้อมรับฟังทุกความเห็น ชี้เปลี่ยนแปลงทุก 10 ปี

วันที่ 24 เม.ย.2566 นายอัมพร พิทุ่งนาสะ เลขาธิการคณะกรรมการการเล่าเรียนเบื้องต้น (กพฐ.) เปิดเผยกรณีโลกอินเตอร์เน็ตวิจารณ์หนังสือเรียนหนังสือภาษาไทยพาที ระดับชั้น ป.5 ซึ่งมีเนื้อหาว่า รับประทานไข่ต้มครึ่งซีก เหยาะน้ำปลา หรือข้าวเปล่าคลุกน้ำผัดผักบุ้ง ทำให้นักแสดงในหนังสือมีความสุข ถือว่าเป็นการเพียงพอ เห็นคุณค่าของชีวิตนั้น ว่า การจัดการเรียนรู้วิชาต่างๆจะมีแผนในการจัดการทำความเข้าใจอยู่ ซึ่งในแต่ละบทเรียนจะกำหนดจุดประสงค์อยู่ว่าต้องการสอนอะไรให้กับเด็กนักเรียนบ้าง ซึ่งการจัดการทำความเข้าใจ จะมีสื่อประกอบกิจการเรียนการสอน เพื่อผู้เรียนมีการศึกษา ขึ้นกับครูว่าจะนำสื่อการเรียนการสอนไหน มาสอนเด็กให้เด็กกำเนิดความรู้

โดย แบบเรียนภาษาพาที ที่เป็นเรื่องนั้น เป็นสื่อประเภทหนึ่งที่ให้คุณครูใช้ประกอบการสอน เพื่อเด็กนำภาษาไปใช้แสดงความรู้สึก พิจารณา หรือเห็นคุณค่าของความสุขในชีวิตผ่านวรรณกรรมเท่านั้น ผู้แต่งก็เลยระบุนักแสดงสมมุติขึ้น โดยมีตัวละครที่มาจากครอบครัวรวย แต่กล่าวโทษสุขไม่พบ และมีตัวละครที่เป็นเด็กกำพร้า แต่ว่าสามารถแฮปปี้สำหรับเพื่อการดำรงชีวิตด้วยการแบ่งปันกัน

ซึ่งในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการกินนั้น เรื่องราวไม่ได้สื่อเรื่องโภชนาการ แม้กระนั้นปรารถนาสื่อว่าความยากไร้ ไม่ว่าจะรับประทานอะไร อยู่ตรงไหน ก็สามารถสุขสบายได้ เมื่อผู้ที่อยู่ในครอบครัวมั่งคั่งมามองเห็น จึงรู้เรื่องว่าความสุขในชีวิตมิได้อยู่ที่สถานที่กำเนิด หรือขึ้นกับที่อาศัย แม้กระนั้นอยู่ที่ความเข้าใจและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกัน

“บทเรียนดังที่กล่าวมาข้างต้น ถูกแต่งขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความรู้เรื่องความสุขของชีวิต แน่ๆว่าสำนักงานคณะกรรมการการเรียนรู้ขั้นต้น (สพฐ.) ไม่ทิ้งหลักโภชนาการ โดยได้หมายกำหนดการเรียนการสอนประเด็นนี้เอาไว้ในหมวดวิชาสุขศึกษา ทั้งยัง สพฐ.ได้ให้ความใส่ใจกับโภชนาการของเด็กเป็นอย่างมาก มองเห็นได้จากการมีระบบระเบียบ Thai School Lunch ซึ่งคือระบบที่ช่วยให้สถานที่เรียนสามารถจัดอาหารมื้อเที่ยงที่มีคุณภาพให้แก่นักเรียน

ฉะนั้น บทเรียนดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เป็นการเทียบให้เด็กกำเนิดกรรมวิธีคิด และได้เห็นว่าความสบายที่จริงจริงอยู่ตรงไหน ดังนี้ ไม่ต้องการเกี่ยวโยงผู้ใด แม้กระนั้นคิดว่าการบ้านการเมืองตอนนี้ อยู่ระหว่างการขายความคิด วิธีขายหลักการ ด้วยเหตุดังกล่าว ส่วนไหนที่มีคุณประโยชน์ สพฐ.ในฐานะผู้ปฏิบัติ ก็พร้อมที่จะฟังทุกความคิด ส่วนไหนที่มีคุณประโยชน์จะฟังและก็ไปประยุกต์” นายอัมพร กล่าว

ผู้รายงานข่าวถามคำถามว่า เห็นว่าดราม่าที่เกิดขึ้นแผ่ขยายไปไกลหรือเปล่า นายอัมพร กล่าวว่า ไม่ตื่นตระหนกว่าจะมีดราม่า เนื่องจาก สพฐ.อยู่ภาคการศึกษา ยินดีที่จะรับฟังทุกความคิดเห็น เนื่องจากว่าคิดว่าทุกความนึกคิดมีสาระ ซึ่งตนมีความรู้สึกว่าทุกคนมีวิจารณญาณสำหรับเพื่อการวิเคราะห์ อย่างไรก็ตาม การจัดทำหนังสือหนึ่งเล่ม สพฐ.มิได้ทำเพียงคนเดียว จำเป็นจะต้องผ่านกรรมวิธี ตั้งแต่การตั้งคณะกรรมการจัดทำ แล้วก็ผ่านการตรวจสอบจากนักวิชาการอีกผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยจนถึงเห็นเหมือนกันว่าหนังสือที่ออกมาเป็นที่ยอมรับแล้ว ซึ่งตนเข้าใจกันดี เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์แปรไป สพฐ.บากบั่นจะทำหนังสือให้ดียิ่งขึ้น ทันสมัยมากขึ้นเรื่อยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หนังสือภาษาพาทีมีหัวข้อดราม่าตั้งแต่ปี 2563 แล้วปีนี้เกิดดราม่าขึ้นอีก จะมีการเปลี่ยนแปลงให้ล้ำสมัยไหม นายอัมพร พูดว่า สพฐ.มีการปรับแต่งหนังสือเรียนทุกๆ10 ปี เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และก็บัดนี้ สพฐ.ให้โอกาสให้สถานที่พิมพ์เสนอขอแก้ไขสื่อการสอนของตนได้ ซึ่งสื่อที่ผลิตใหม่พรีเซ็นท์ใหม่หากมีหลักสูตรใหม่เกิดขึ้นมา หลักสูตรเก่าก็ต้องไม่มีการใช้สอนอยู่แล้ว
ความสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก https://freelydays.com/13833/