จานัส เฮนเดอร์สัน (Janus Henderson) ซึ่งเป็นบริษัทจัดการสินทรัพย์รายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยรายงานล่าสุดว่า
หนี้สาธารณะ (Sovereign Debt) ของรัฐบาลทั่วโลกมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 9.5% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 71.6 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2565 และคาดว่าการกู้ยืมรอบใหม่ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้นอีก
รายงาน "ดัชนีหนี้สาธารณะ" (Sovereign Debt Index) ซึ่งจานัส เฮนเดอร์สันเปิดเผยเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.) ระบุว่า หนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ, ญี่ปุ่น และจีน เป็นสาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้ตัวเลขหนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่งขึ้น 9.5% ในปีนี้ พร้อมกับคาดว่าประเทศส่วนใหญ่ยังคงมีการกู้ยืมเพิ่มขึ้น
ในปี 2564 หนี้สาธารณะทั่วโลกเพิ่มขึ้น 7.8% แตะที่ 65.4 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากรัฐบาลของทุกประเทศพากันออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินทุนเพิ่ม ขณะที่ต้นทุนการชำระหนี้ (Debt Service Cost) ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.01 ล้านล้านดอลลาร์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ผู้กู้เงินต้องจ่ายจริง (Effective Interest Rate) อยู่ที่ระดับเพียง 1.6%
อย่างไรก็ดี ต้นทุนจากภาระหนี้สินจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2565 โดยคาดว่าจะพุ่งขึ้นราว 14.5% แตะระดับ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์
สหราชอาณาจักรมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพของหนี้สิน ประกอบกับค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ปรับลดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
"การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการกู้ยืมของรัฐบาล และคาดว่าจะมีผลกระทบตามมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ สงครามในยูเครนก็มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาลของชาติตะวันตกให้ต้องกู้ยืมเงินเพิ่ม เพื่อระดมทุนเป็นค่าใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศ" เบธานี เพน ผู้จัดการฝ่ายพันธบัตรโลกของจานัส เฮนเดอร์สันกล่าว