͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 96.69 จุด นลท.กังวลสถานการณ์ยูเครน  (อ่าน 31 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jenny937

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13350
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 96.69 จุด นลท.กังวลสถานการณ์ยูเครน

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (3 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในยูเครน รวมทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการที่รัสเซียถูกนานาประเทศคว่ำบาตรฐานใช้กำลังทหารบุกโจมตียูเครน ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,794.66 จุด ลดลง 96.69 จุด หรือ -0.29%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,363.49 จุด ลดลง 23.05 จุด หรือ -0.53% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,537.94 จุด ลดลง 214.08 จุด หรือ -1.56%

รอสส์ เมย์ฟิลด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Baird ในรัฐเคนตักกีกล่าวว่า ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ และคาดว่าตลาดจะยังคงผันผวนต่อไปในระยะใกล้จนถึงระยะกลาง โดยขณะนี้การสู้รบระหว่างกองทัพรัสเซียและยูเครนได้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว และมีรายงานว่าทหารรัสเซียและพลเรือนชาวยูเครนเสียชีวิตหลายร้อยคน ในขณะที่รัสเซียเองก็ถูกนานาประเทศโดดเดี่ยวมากขึ้น

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลว่า การที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครนอาจส่งผลกระทบต่อสหรัฐในหลายด้าน ซึ่งรวมถึงการทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้น และกดดันการใช้จ่ายและการลงทุน

"สิ่งที่เรารู้ในขณะนี้คือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้พุ่งขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาพลังงาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐในรูปของเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ ความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงก็ได้ลดลง ซึ่งได้กระทบต่อการลงทุน ขณะที่ประชาชนชะลอการใช้จ่าย" นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้

ดัชนีหุ้นเติบโต (Growth Index) ร่วงลง 1.1% และดัชนีหุ้นคุณค่า (Value Index) ปรับตัวขึ้น 0.1%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีซึ่งจัดอยู่ในหุ้นเติบโตร่วงลงเมื่อคืนนี้ นำโดยหุ้นเทสลา ดิ่งลง 4.61% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 2.73% หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ร่วงลง 2.47% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.42% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 3.15%

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มสาธารณูปโภค โดยหุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส บวก 0.5% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค ปรับตัวขึ้น 0.67% หุ้นไฟเซอร์ ดีดตัวขึ้น 0.27% หุ้นอิไล ลิลลี่ (Eli Lilly) พุ่งขึ้น 1.76%

ส่วนหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคนั้น หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 1.87% หุ้นพอร์ทแลนด์ เจเนอรัล อิเล็กทริก พุ่งขึ้น 2.89% หุ้นพีพีแอล คอร์ปอเรชัน ดีดขึ้น 1.13%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย

ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.0 หลังจากแตะระดับ 59.9 ในเดือนม.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่ง