͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วง หลังรัสเซียยิงถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน  (อ่าน 25 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PostDD

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14907
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดร่วง หลังรัสเซียยิงถล่มโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน

ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ร่วงลง ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครน หลังมีรายงานว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย (Zaporizhzhia) ในยูเครนเกิดเพลิงไหม้ เนื่องจากทหารของรัสเซียได้เข้าโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับหายนะที่เกิดจากนิวเคลียร์

ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,421.85 จุด ลดลง 155.42 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,879.13 จุด ร่วงลง 588.21 จุด หรือ -2.62% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,459.98 จุด ลดลง 21.13 จุด หรือ -0.61%

นายดมิโทร ออร์ลอฟ นายกเทศมนตรีเมืองอีเนอร์โกดาร์ของยูเครนเปิดเผยว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียในยูเครน ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป หลังจากกองกำลังทหารของรัสเซียได้เข้าโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว โดยมีการยิงปะทะกันระหว่างกองกำลังทหารของยูเครนและทหารของรัสเซียในเมืองอีเนอร์โกดาร์ และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต

หน่วยงานยูเครนรายงานก่อนหน้านี้ว่า กองกำลังทหารรัสเซียพยายามรุกคืบเพื่อที่จะยึดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ และได้นำรถถังเข้ามาในเมืองอีเนอร์โกดาร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว ทั้งนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียเป็นแหล่งผลิตพลังงานในสัดส่วน 25% ของยูเครน

ทางด้านนายทาปาส สทริกแลนด์ ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์และการตลาดของ National Australia Bank ระบุว่า "ความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงยังคงเปราะบางและผันผวนสูง เนื่องจากสถานการณ์ในรัสเซียและยูเครน รวมถึงการที่ธนาคารกลางต่าง ๆ มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และก่อให้เกิดความเสี่ยงขาขึ้นต่อเงินเฟ้อ"

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย

ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 56.5 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 61.0 หลังจากแตะระดับ 59.9 ในเดือนม.ค.

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 415,000 ตำแหน่ง