͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ทะลุแนว 34,000 หลังราคาน้ำมัน,บอนด์ยีลด์เริ่มมีเสถียรภาพ  (อ่าน 18 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Fern751

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15944
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ทะลุแนว 34,000 หลังราคาน้ำมัน,บอนด์ยีลด์เริ่มมีเสถียรภาพ

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งกว่า 100 จุด ทะลุแนว 34,000 จุดในวันนี้ หลังจากที่ราคาน้ำมันและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ

ณ เวลา 22.12 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 34,002.24 จุด บวก 110.89 จุด หรือ 0.33%

ราคาน้ำมันเริ่มชะลอตัวลงในวันนี้ หลังมีความคืบหน้าในการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งอาจปูทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันสู่ตลาดโลก

ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นใกล้แตะระดับ 120 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ในยูเครน ซึ่งสร้างความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นทั่วโลก

นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาด รวมทั้งการที่ซิตี้กรุ๊ปแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากสถิติบ่งชี้ว่าราคาหุ้นมักดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์

ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ โดยส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนนี้ ซึ่งไม่รุนแรงเหมือนกับที่นักวิเคราะห์บางรายคาดว่าจะปรับขึ้น 0.50%

FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 15-16 มี.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนได้ปรับลดคาดการณ์จำนวนครั้งที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ เหลือเพียง 5 ครั้งๆ ละ 0.25% จากเดิม 7 ครั้ง โดยได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์ในยูเครน

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 18,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 215,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นปีนี้ และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 225,000 ราย

ทั้งนี้ ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวเท่ากับตัวเลขเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ

ซิตี้กรุ๊ปออกรายงานแนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสหรัฐ เนื่องจากสถิติบ่งชี้ว่าราคาหุ้นมักดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์

ทั้งนี้ นายโรเบิร์ต บัคแลนด์ หัวหน้านักวิเคราะห์หุ้นของซิตี้กรุ๊ป ระบุว่า เหตุการณ์ความไม่สงบในยูเครน จะส่งผลกระทบต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับรัสเซีย และหุ้นสถาบันการเงินบางแห่งเท่านั้น

"เรายังคงต้องการซื้อหุ้นเมื่อราคาดิ่งลง ขณะที่หุ้นในตลาดโลกมักดีดตัวขึ้น 10-20% หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ด้านภูมิรัฐศาสตร์หลายครั้งที่ผ่านมา" รายงานระบุ
ทั้งนี้ ซิตี้กรุ๊ปได้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นสหรัฐ และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศในระดับโลก ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการปรับตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในขณะนี้ หลังเกิดวิกฤตการณ์ในยูเครน

รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของนายอีเลม เซนยุซ นักกลยุทธ์ด้านมหภาคของบริษัท Truist ที่ได้แนะนำให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อหุ้นในขณะนี้ เนื่องจากสถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ตลาดหุ้นมักดีดตัวขึ้น หลังจากร่วงลงจากเหตุการณ์ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ เว้นแต่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย

นอกจากนี้ ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้น 440,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ.

ก่อนหน้านี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 467,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 150,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.0% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.9%