แบงก์ชาติจีน
อัดฉีดเงินสดเสริมสภาพคล่อง เพื่อหนุนเศรษกิจขยายตัว
ธนาคารกลางจีน (PBOC) เพิ่มการสนับสนุนเศรษฐกิจจีนที่กำลังชะลอตัวด้วยการอัดฉีดเงินสดผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ซึ่งหนุนให้ดัชนีหุ้นจีนพุ่งขึ้น แซงหน้าตลาดหุ้นอื่น ๆ ในภูมิภาค
ทั้งนี้ PBOC ได้อัดฉีดเงินสดสุทธิ 1 แสนล้านหยวน (1.57 หมื่นล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบธนาคารผ่านโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ประเภท 1 ปี ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ประเภทดังกล่าวเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 2.85% ซึ่งเป็นไปตามความคาดหมายในวงกว้าง และหนุนให้ดัชนี CSI 300 ปรับตัวขึ้นสูงถึง 0.9%
ในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ธนาคารจีนได้ขยายการปล่อยกู้ในระดับที่สูงเป็นประวัติการณ์ หลัง PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 ในเดือนที่แล้ว ซึ่งถูกมองว่าเป็นการเริ่มต้นการออกมาตรการผ่อนคลายเพิ่มเติมจำนวนมาก ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้เกิดขึ้น หลังจากที่เศรษฐกิจประสบปัญหาจากการแพร่ระบาดอีกครั้งของโรคโควิด-19, การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และสัญญาณอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ
"การอัดฉีดเงินครั้งล่าสุดนี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า PBOC ยังคงเต็มใจที่จะรักษาสภาพคล่องให้เพียงพอและทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ เพื่อสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อ" นางเสี่ยวเจีย จื้อ นักเศรษฐศาสตร์ของบริษัทเครดิต อะกริโคล ซีไอบี (Credit Agricole CIB) ในฮ่องกงกล่าว
"PBOC ยังสามารถใช้นโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติมได้ในครึ่งแรกของปีนี้ รวมถึงมาตรการกันเงินสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) และการลดดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ยังคงมีแรงกดดันด้านการเติบโต โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์และอุปสงค์ผู้บริโภคภาคเอกชน"
นักเศรษฐศาสตร์ 16 จาก 27 คนในผลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า PBOC จะคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLF ประเภท 1 ปีไว้ไม่เปลี่ยนแปลง โดยส่วนใหญ่ระบุว่า PBOC ต้องการรอและจับตาดูว่า การลดอัตราดอกเบี้ยครั้งก่อนหน้านี้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหรือไม่
ธนาคารกลางจีนจะทำการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประจำเดือนในวันที่ 20 ก.พ.นี้