ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดการณ์ว่า
ค่าแรงในกลุ่มประเทศยูโรโซนจะปรับตัวขึ้นราว 3% หรือสูงกว่าในปีนี้ เนื่องจากพนักงานต้องการค่าแรงเพิ่มขึ้นเพื่อหนีอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการปรับเงินเพิ่มขึ้นเพื่อจูงใจให้มีผู้มาสมัครงาน ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนแรงงานในบางภาคอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง และวิศวกรซอฟต์แวร์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ECB ได้พูดคุยกับบริษัทใหญ่นอกภาคการเงิน 74 แห่งในยุโรปช่วงกลางเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่าสถานการณ์ในตลาดแรงงานนั้นเริ่มตึงตัว และค่าแรงในหลายบริษัทมีการปรับตัวขึ้น ในขณะที่บางบริษัทก็มีแผนที่จะปรับขึ้นค่าแรงในปีนี้ด้วยเช่นกัน หลังจากที่คงค่าแรงไว้ที่ระดับเดิมมาเป็นเวลา 2 ปี
รายงานของ ECB ระบุว่า "บริษัทคาดการณ์ว่าอัตราค่าแรงเฉลี่ยจะปรับตัวขึ้นจากเดิมที่ราว 2% สู่ระดับ 3% หรืออาจมากกว่านั้นในปีนี้"
อนึ่ง อัตราการขยายตัวของค่าแรงถือเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญของ ECB ในการประเมินทิศทางเงินเฟ้อ และกำหนดกรอบเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี
ฝรั่งเศสเผยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ลดลง 0.2%
สำนักงานสถิติฝรั่งเศส (INSEE) รายงานว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของฝรั่งเศสในเดือนธ.ค. ลดลง เนื่องจากปัญหาห่วงโซ่อุปทาน สวนทางกับคาดการณ์ที่ว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ซึ่งประกอบด้วยผลผลิตในภาคการผลิต พลังงาน และการก่อสร้าง ลดลง 0.2% จากเดือนพ.ย. ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. จะปรับตัวขึ้น 0.5% จากเดือนก่อนหน้า
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. ยังลดลง 5.3% จากระดับเดือนก.พ.ปี 2563 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทั้งนี้ ผลผลิตในภาคการผลิต ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดของผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับเดือนพ.ย. ส่วนผลผลิตในภาคพลังงานลดลง 1.7% ขณะที่ภาคก่อสร้างลดลง 6.9%