͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: อัคราฯ เตรียมกลับมาทำเหมืองทองหลังได้  (อ่าน 14 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Shopd2

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 11951
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
อัคราฯ เตรียมกลับมาทำเหมืองทองหลังได้ต่ออายุประทานบัตร-ใบอนุญาต

นายสิโรจ ประเสริฐผล กรรมการ บมจ.อัครา รีซอร์สเซส เปิดเผยว่า บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของ บมจ.อัครา รีซอร์สเซส ผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรีในจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ได้รับอนุญาตการต่ออายุประทานบัตรเพื่อการทำเหมืองแร่ทองคำและเงินจำนวน 4 แปลงออกไปอีก 10 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.64 ถึงวันที่ 29 ธ.ค.74 และการได้รับอนุญาตการต่ออายุใบอนุญาตประกอบโลหกรรมออกไปอีก 5 ปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.65-18 ม.ค.70

โดยคำขอต่ออายุประทานบัตรทั้งหมดเป็นคำขอที่บริษัทได้ยื่นไว้ตาม พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2510 และ พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 ในพื้นที่ประทานบัตรเดิม โดยบริษัทได้ยื่นเอกสารประกอบคำขอเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.แร่ พ.ศ.2560 รวมทั้งได้ดำเนินการตามกรอบนโยบายบริหารจัดการแร่ทองคำและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

"บริษัทขอขอบคุณรัฐบาลไทยที่พิจารณาข้อเท็จจริงทุกอย่างด้วยความเป็นธรรม และขอขอบคุณกระทรวงอุตสาหกรรมที่อนุญาตการต่ออายุประทานบัตรและใบอนุญาตประกอบโลหกรรมให้แก่บริษัทเพื่อให้สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้ง ด้วยเชื่อว่าบริษัทจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในการนี้ขอให้มั่นใจว่าบริษัทปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และการดำเนินงานของบริษัทไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทมุ่งเน้นให้ความสำคัญแก่การยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนให้เติบโตไปด้วยกันอย่างมีความสุขและยั่งยืน"
ทั้งนี้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยอย่างรุนแรง ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดกิจการลง และประชาชนต้องถูกเลิกจ้างทำให้สูญเสียซึ่งรายได้ ส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของทุกคนในสังคม บริษัทจึงมุ่งหวังเป็นส่วนสำคัญในการช่วยฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ไปต่ออย่างแข็งแกร่งผ่านการสร้างงาน สร้างรายได้ ก่อให้เกิดการหมุนเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจทั้งระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ

โดยตลอดระยะเวลาการดำเนินกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรีที่ผ่านมา บริษัทได้สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนและประเทศไทย อาทิ การสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจต่อเนื่องในประเทศไทยเป็นเงินกว่า 32,000 ล้านบาท, การชำระค่าภาคหลวงกว่า 4,500 ล้านบาท โดย 50% ของค่าภาคหลวงถูกจัดสรรให้แก่หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของเหมืองเพื่อนำมาใช้ในการพัฒนาชุมชน

การจ้างงานโดยตรงและผ่านผู้รับเหมาของบริษัท โดยจ่ายค่าตอบแทนกว่า 1,800 ล้านบาท จากการจ้างพนักงานกว่า 1,000 คน ซึ่ง 99% เป็นคนไทย และส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่อาศัยอยู่รอบพื้นที่โครงการ เพื่อส่งเสริมให้ครอบครัวได้อยู่กันพร้อมหน้า ไม่ต้องอพยพย้ายถิ่นเพื่อหางานทำ และการจับจ่ายใช้สอยของพนักงานยังเป็นแรงสนับสนุนให้ธุรกิจท้องถิ่นขยายตัวเพิ่มขึ้น

นอกเหนือจากการสมทบเงินเข้ากองทุนพัฒนาชุมชนต่างๆ ตามที่กฎหมายกำหนด บริษัทยังคงให้การสนับสนุนการพัฒนาชุมชนและกิจกรรมเพิ่มเติมทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน สุขภาพ สังคม การศึกษาและศาสนากว่า 400 ล้านบาท ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน

อย่างไรก็ตาม บริษัทจะไม่หยุดยั้งพัฒนาหาแนวทางที่จะส่งเสริมให้ความร่วมมือระหว่างบริษัทและชุมชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น บริษัทขอถือโอกาสนี้ยืนยันอีกครั้งว่า บริษัทปฏิบัติทุกอย่างตามกฎหมายและหลักธรรมภิบาลอย่างเคร่งครัด การดำเนินงานของบริษัทไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนและสิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด ซึ่งมีเอกสารวิชาการที่จัดทำโดยคณะบุคคลและหน่วยงานที่เป็นกลางสนับสนุนข้อเท็จจริงนี้เป็นจำนวนมาก อาทิ โครงการตรวจวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่แหล่งแร่ทองคำ จังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก ของสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งพบว่าค่าการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนในพื้นที่บริเวณโครงการไม่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากพื้นที่อื่นที่อยู่ไกลออกไป และไม่แสดงความสัมพันธ์กับกิจกรรมการทำเหมืองแต่อย่างใด

และรายงานการตรวจสอบและประเมินมาตรฐานของเหมืองแร่ทองคำชาตรี โดยบริษัท แบร์ โดแบร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด (Behre Dolbear International Limited) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจสอบและประเมินการปฏิบัติงานของเหมืองทองทั่วโลกกว่า 100 ปี ที่กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่เลือกให้มาตรวจสอบการดำเนินงานของบริษัทอย่างละเอียดทุกขั้นตอน โดยผลการประเมินพบว่าการดำเนินงานทุกอย่างของบริษัทปลอดภัยเป็นไปตามมาตรฐานสากล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าการดำเนินการของบริษัทปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตามมาตรฐานสูงสุด จึงจัดให้มีการติดตั้งจุดตรวจวัดคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมการตรวจวัดคุณภาพดิน น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน อากาศ ทั้งในพื้นที่โครงการและบริเวณโดยรอบ ด้วยเทคโนโลยีที่ได้รับการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญและบริษัทชั้นนำระดับโลก