͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: TKC หุ้นเทคฯสื่อสารปูทางสู่รุ่นใหญ่ดิจิทัลโซลูชั่นเมืองไทย  (อ่าน 70 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Jessicas

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 18534
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด

ประเดิมหุ้นน้องใหม่เข้าตลาดหุ้นไทยตัวแรกของปี 65 สำหรับ บมจ.เทิร์นคีย์ คอมมูนิเคชั่น เซอร์วิส (TKC) ล่าสุดประกาศความพร้อมเข้าซื้อขายผ่านกระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันที่ 17 ม.ค.นี้ ด้วยราคา IPO หุ้นละ 18 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 17.54 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ต.ค.63-30 ก.ย.64)

นายสยาม เตียวตรานนท์ กรรมการผู้จัดการ TKC เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่า จากความเชื่อมั่นของการเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจให้บริการออกแบบ วางระบบ และบริการที่เกี่ยวข้องในงานวิศวกรรมสายงานระบบโทรคมนาคม ระบบสื่อสารข้อมูล และระบบความปลอดภัยสาธารณะที่มีทิศทางการเติบโตตามเมกะเทรนด์เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ได้รับกระแสการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนในช่วงเปิดจองซื้อหุ้นเมื่อวันที่ 7-11 ม.ค.ที่ผ่านมา รวมถึงเป้าหมายการเติบโตในอนาคตมุ่งสู่การเป็นผู้นำเทคโนโลยี 5G สอดรับกับความต้องการใช้งานทางด้าน IoT AI ระบบคลาวด์ และโซลูชันอัจฉริยะต่างๆ

ตลอดหลายปีที่ผ่านมามูลค่างานระบบในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมสูงถึงหลักหมื่นล้านบาทต่อปี แม้ภายหลังจากที่มีการประมูลคลื่นความถี่จะมีการลงทุนอย่างมหาศาลในช่วงแรกๆ และลดลงในปีถัดมา แต่หากพิจารณางบลงทุนระบบสื่อสารแต่ละปีก็ยังมีมูลค่าในระดับหมื่นล้านบาทอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราการเติบโตขึ้นทุกๆปี

"ด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 18 ปีและการเป็นผู้รับเหมามาก่อนทำให้บริหารต้นทุนได้ดีกว่าคู่แข่ง และการมีทีมวิศวกร In-House ที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ ทำให้บริษัทสามารถแข่งขันได้ทั้งในแง่ความสามารถในการบริการและราคา รวมถึงมีการดูแลและการให้บริการหลังการขายที่สร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น ไว้ใจและใช้บริการต่อเนื่อง"นายสยาม กล่าว
ส่วนอีกหนึ่งจุดแข็งของบริษัท คือ การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเจ้าของผลิตภัณฑ์โทรคมนาคม และเครือข่ายสารสนเทศชั้นนำระดับโลก เช่น Huawei, Nokia, Cisco, Verint, Oracle, Netka System, XOVIS, Fortinet เป็นต้น ให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรต่างๆ ทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบกับ ประเทศไทยเรากำลังเดินหน้าเข้าสู่ยุคเทคโนโลยี ทำให้ธุรกิจอยู่ในเทรนด์การเติบโต

วัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขาย IPO ครั้งนี้ ประมาณ 1,404 ล้านบาท นำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ เช่น โครงการเกี่ยวกับระบบโทรคมนาคม ระบบโครงข่ายสื่อสัญญาณ(Transmission Networks) ระบบศูนย์ข้อมูลหลัก ศูนย์ข้อมูลสำรอง ระบบคลาวด์ Smart Solutions ระบบวิทยุสื่อสารดิจิทัลและระบบตรวจสอบเฝ้าระวัง และการบริหารความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ (Cyber Security) รวมถึงงานบริการเพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่องเป็นต้นภายในปี 65-66

ด้านแผนขยายธุรกิจช่วงหลังจากนี้เมื่อบริษัทระดมทุนตามเป้าหมายแล้วก็จะสามารถเปิดโอกาสเข้าไปประมูลงานเป็นมูลค่าหลักหมื่นล้านบาทต่อปี เป็นส่วนสนับสนุนศักยภาพจากเดิมที่สามารถเข้าประมูลงาน 6-7 พันล้านบาทต่อปีเท่านั้น ประกอบกับยังช่วยเพิ่มศักยภาพทำกำไรที่ดีขึ้นในอนาคตอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีค่าเฉลี่ยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 17-20% และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 7-10% ต่อปี

ปัจจุบันโครงสร้างรายบริษัทมาจากงานโครงการมากกว่า 64% รายได้จากงานบริการและบำรุงรักษากว่า 35% ส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากงานจัดจำหน่าย

ภาพรวมผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 64 มีรายได้รวม 1,835.38 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 20.06% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสัดส่วน 99.86% เป็นรายได้จากการขายและให้บริการ และ 0.14% เป็นรายได้อื่น มีกำไรสุทธิ 191.07 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 10.41%

สำหรับผลประกอบการช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (61-63) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,669.65 ล้านบาท 4,907.25 ล้านบาท และ 2,881.92 ล้านบาท ตามลำดับ มีกำไรสุทธิ 216.50 ล้านบาท 423.03 ล้านบาท และ 232.85 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.90% , 8.62% และ 8.09% ตามลำดับ อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการบริหารต้นทุนที่ดีทำให้มีอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ประกอบกับความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ดีขึ้น

ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TKC คือ กลุ่มนายสยาม เตียวตรานนท์ สัดส่วนก่อน IPO 62.25% หลัง IPO 46.06% และบริษัท สกาย ไอซีที จำกัด (มหาชน) สัดส่วนก่อน IPO 34% หลัง IPO 25.16% สัดส่วนหุ้นของผู้มีส่วนร่วมในการบริหารที่ไม่ติด Silent Period จำนวน 33,967,500 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 11.32% ของหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้