͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: CMC ย้ายเข้าเทรด SET วันแรกเชื่อหนุนโอกาสสถาบันใน-ตปท.เข้าถือหุ้นเพิ่ม  (อ่าน 84 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ deam205

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15570
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
นายแพทย์วิเชียร แพทยานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจ้าพระยามหานคร (CMC) กล่าวว่า สำหรับการย้ายหลักทรัพย์ของ CMC เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้เป็นวันแรก (วันที่ 12 พ.ย. 64) ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง ถือเป็นการเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนและสถาบัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาเพิ่มสัดส่วนการหุ้น ซึ่งเป็นการขยายฐานนักลงทุนให้กว้างขึ้น มี Sentiment เชิงบวกต่อบริษัทเพิ่มขึ้น และมีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องมากขึ้น รองรับการขยายธุรกิจในอนาคตให้เติบโตอย่างยั่งยืน


โดย CMC พร้อมเปิดทางรับกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่ นักลงทุนรายย่อย ผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และสตาร์ทอัพ (Startup) ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ ควบคู่ไปกับหาพันธมิตรในการพัฒนาโครงการ เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในก้าวสำคัญของ CMC GROUP สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน แข็งแกร่ง และมั่นคงต่อไปในอนาคต

ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ CMC มีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยสัดส่วนการรับรู้รายได้หลักกว่า 90 % มาจากกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และส่วนที่เหลืออีก 10 % มาจากรายได้จากกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์และผนัง

กลุ่มธุรกิจหลักของ CMC คือ การพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งแนวราบและแนวสูง ซึ่งเป็นที่รู้จักและเชื่อถือของคนไทยเป็นอย่างดีภายใต้แบรนด์ กลุ่มโครงการคอนโดมิเนียม ได้แก่ ชาโตว์ อินทาวน์ (Chateau in Town), แบงค์คอก ฮอไรซอน (Bangkok Horizon) และ แบงค์คอก เฟ?ลิซ (Bangkok Feliz) กลุ่มโครงการทาวน์โฮม ได้แก่ คาซ่า ดีว่า (Kasa Deva) และคาซ่า ยูเรก้า (Kasa Eureka) และกลุ่มโครงการบ้านเดี่ยว ได้แก่ เดอะ ริช (The Rich) พร้อมกันนี้ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ได้แก่ เดอะ คิวเว่ (The Cuvee), เดอะ เคลฟ (The Clev), ไซบิค (Cybiq), และเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ ซีร็อคโค (Cerrocco)

อย่างไรก็ตาม CMC เชื่อมั่นภาพรวมของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นที่น่าสนใจของนักธุรกิจและนักลงทุน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ หลังจากรัฐบาลมีนโยบายเปิดประเทศและยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นอย่างมาก คาดว่าภาพรวมของหุ้นไทยน่าจะมีทิศทางที่ดียิ่งขึ้นในไตรมาสสุดท้ายนี้ เนื่องจากได้รับอานิสงส์และแรงหนุนของหุ้นกลุ่มธุรกิจเปิดประเทศ ได้แก่ ธนาคาร, ท่องเที่ยว, ห้างสรรพสินค้า, ขนส่งสาธารณะ

ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศปลดล็อกผ่อนคลายมาตรการ LTV ลงจนถึงปี 65 ทำให้ลูกค้าที่กำลังมองหาบ้านหลังที่สอง สามารถกู้สินเชื่อสำหรับที่อยู่อาศัยได้เต็มหลักประกันแบบ 100% ซึ่งช่วยกระตุ้นเรียลดีมานด์หนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ให้เดินหน้าเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

ปัจจุบัน CMC มีบริษัทย่อยทั้งหมด 7 บริษัท คือ บริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (PPP), บริษัท สยามนคร จำกัด (SNC), บริษัท ไทยสยามนคร จำกัด (TSN),บริษัท ซีทูเอช จำกัด (C2H), บริษัท เทเลด็อก จำกัด (TELEDOC), บริษัท ซีเมดิเทค จำกัด CMEDITECH) และบริษัท แคนนาบิเทค จำกัด (CANNABITEC) พร้อมเตรียมแผนลงทุนในโครงการใหม่ๆเพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคง และยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคต