ราล์ฟ รังนิก ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันของ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาทำงานให้กับทีมเกมแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พร้อมกับนำ "ผีแดง" ชนะ คริสตัล พาเลซ 1-0 แม้สกอร์จะดูน้อยนิด แต่ฟอร์มโดยรวมของทีมโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ผลงานของเหล่าพลพรรค "เร้ด เดวิลส์" ที่แสดงออกมามันช่างผิดหูผิดตากับฟอร์มของพวกเขาในยุคที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุมบังเ.ยน โดยแฟน.แมนยูทั่วโลกพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทีมเล่น.เป็นระบบ และมีรูปแบบที่แน่นอน
ชัยชนะในการประเดิมกุมบังเ.ยนของ รังนิก แสดงให้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างของทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้เห็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วิ่งเพรสซิ่งอย่างบ้าคลั่ง และแนวทางการเล่นเกมรุกที่มีความยืดหยุ่น
ดังนั้นการคว้า 3 คะแนนในแมตช์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ใช่แค่การได้ผลการแข่งขันด้านบวกเท่านั้น แต่ทีมมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยงานนี้มีอยู่ 4 จุดที่สาวก "เร้ด อาร์มี่" เห็นได้อย่างชัดเจน
การเติมเกมบุกจากตำแหน่งฟูลแบ็ก
ADVERTISEMENT
แนวรุกยืดหยุ่น, ฟูลแบ็กดุดัน, ครองเกมเด็ดขาด! 4 สิ่งที่ รังนิก พลิกโฉมแมนยู
ADVERTISEMENT
ทีมไหนก็ตามที่ รังนิก เข้าไปกุมบังเ.ยนสิ่งที่โดดเด่นในเรื่องระบบการเล่นของเขาก็คือการให้ฟูลแบ็กดันเกมบุกขึ้นมาช่วยทีม และในแมตช์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาทุกๆ คนก็ได้เห็นแล้วว่า ฟูลแบ็กของ "ผีแดง" เติมเกมรุกมันมาก
อเล็กซ์ เตลลิส และ ดีโอโก้ ดาโลต์ แทบจะยืนเล่นราวกบเป็นผู้เล่นตำแหน่งปีกมากกว่ากองหลังด้วยซ้ำ และแน่นอนว่าการทำแบบนี้ส่งผลดีอย่างยิ่งสำหรับกองทัพ "ปีศาจแดง"
ทั้งสองคนสามารถขึ้นมากดดันในตำแหน่งปีกทั้งสองข้าง, ช่วยดึงแนวรับคู่แข่งให้ต้องขยับออกมาด้านข้างมากขึ้น และยังมีโอกาสที่จะกระชาก.ไปจนถึงเส้นหลังเพื่อเปิด.เข้าไปในกรอบเขตโทษ
ช่วงที่ผ่านมา เตลลิส กับ ดาโลต์ ไม่ค่อยได้รับโอกาสในการสร้างผลงานให้น่าประทับใจในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มากนัก แต่ด้วยระบบใหม่ของ รังนิก แน่นอนว่าทั้งสองคนจะมีชีวิตใหม่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด
การวิ่งไล่เพรสซิ่งสูงของ โรนัลโด้
แนวรุกยืดหยุ่น, ฟูลแบ็กดุดัน, ครองเกมเด็ดขาด! 4 สิ่งที่ รังนิก พลิกโฉมแมนยู
ในตอนที่มีการยืนยันว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ได้แต่งตั้ง รังนิก เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราว มีหลายคนเกิดข้อสงสัยว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จะเหมาะกับแผนการเล่นของ กุนซือเลือดด๊อยท์ช หรือเปล่า
อย่างไรก็ตามการที่ รังนิก มีเวลาในการคุมทีมประมาณ 2-3 วันเขาสามารถปรับเปลี่ยน กองหน้าชาวโปรตุกีสเจ้าของบัลลงดอร์ 5 สมัยให้การเป็นผู้เล่นที่วิ่งเพรสซิ่งสูง และเล่นเกมรุกได้ดุดันมากขึ้น
จากผังการวิ่ง Heat Map ของ โรนัลโด้ ในเกมกับ คริสตัล พาเลซ ปรากฏว่าเจ้าตัวเคลื่อนที่มากกว่าเดิม แถมยังลงมาช่วยไล่.ในแดนตัวเองอีกด้วย ไม่ได้ยืนรอ.แค่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง ซึ่งน่าจะลบคำสบประมาทของนักวิจารณ์ได้อย่างดี
การได้เห็น "ซีอาร์เซเว่น" วิ่งไล่แย่ง.ตั้งแต่แดนคู่แข่งเพื่อที่จะแย่ง.คืนมาเป็นสิ่งสำคัญในการกระตุ้นให้บรรดานักเตะ "ผีแดง" ต้องขยันวิ่งไล่เพรสซิ่งมากยิ่งขึ้นด้วย
ผลงานของ กัปตันทีมชาติโปรตุเกส แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รังนิก สามารถทำงานร่วมกับเขาได้อย่างไม่มีปัญหา และมอง ดาวยิงวัย 36 ปีเป็นตัวหลักในเกมรุกได้เหมือนเดิม
การครองเกมหวนคืนสู่แมนยู
แนวรุกยืดหยุ่น, ฟูลแบ็กดุดัน, ครองเกมเด็ดขาด! 4 สิ่งที่ รังนิก พลิกโฉมแมนยู
ก่อนหน้านี้การได้เห็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมเหนือคู่แข่งไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก แต่ในแมตช์รับมือ คริสตัล พาเลซ บรรดาแฟน. "ปีศาจแดง" รู้สึกแฮปปี้กับการได้เห็นทีมรักไล่กดดัน "ดิ อีเกิ้ลส์" จนอยู่หมัด
สถิตแสดงให้เห็นว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ครอง.ได้มากถึง 61 เปอร์เซนต์ และเล่นด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า การพยายามที่จะเปิดเกมรุกเข้าใส่ในแดนคู่แข่งมากกว่าการเคาพ.ฆ่าเวลาไปในในแดนตัวเอง
รังนิก มีเวลาไม่ค่อยมากนักในการเตรียมทีมในแมตช์แรกที่พบกับ พาเลซ แต่ก็สามารถวางแท็กติกให้ แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถครองเกมได้เหนือกว่าคู่แข่ง และยังกดดันไม่ให้ "ดิ อีเกิ้ลส์" เล่นเกมสวนกลับรวมทั้งการเล่นลูกเซตพีซได้มากนัก
แม้ว่าจังหวะการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะช้าไปบ้างก็ตาม แต่แน่นอนว่าทีมกำลังค่อยๆ เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ และงานนี้สาวก "เร้ด อาร์มี่" คงจะพอใจกับสไตล์ของทีมรักมากยิ่งขึ้น
แนวรุกมีความยืดหยุ่น
แนวรุกยืดหยุ่น, ฟูลแบ็กดุดัน, ครองเกมเด็ดขาด! 4 สิ่งที่ รังนิก พลิกโฉมแมนยู
ระบบของ รังนิก ทำให้ เจดอน ซานโช่ และ มาร์คัส แรชฟอร์ด มีบทบาทในการเล่นเกมรุกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเติมเกมทางริมเส้นทั้งสองฝั่งทำให้เกมรับของคู่แข่งต้องพบกับงานหนักมากยิ่งขึ้น
สองสตาร์ลูกหนังทีมชาติอังกฤษ มีอิสระในการเล่นและการเลี้ยง.ตะลุยเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายมากขึ้น บางครั้งพวกเขายังสามารถสร้างปัญหาทางริมเส้นทั้งสองฝั่ง หรือการวิ่งสลับตำแหน่งกัน ส่งผลให้กองหลัง พาเลซ ต้องสับสน และเจอกับปัญหาในการรับมือพวกเขา
ซานโช่ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ามีความมั่นใจในการเล่นมากขึ้น กล้าที่จะดวลกับแนวรับ พาเลซ โดยเฉพาะในครึ่งแรกเขาสร้างปัญหาให้กับกองหลังทีมเยือนได้อย่างต่อเนื่อง แต่ในครึ่งหลังถูกเปลี่ยนตัวออก และ เมสัน กรีนวู้ด ลงมาเล่นแทน
ทั้ง แรชฟอร์ด และ ซานโช่ เป็นนักเตะที่มีความหลากหลายซึ่งสามารถเล่นตรงไหนในแดนหน้าก็ได้ ดังนั้น รังนิก พร้อมอนุญาตให้พวกเขาโชว์ผลงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสิ่งนี้เป็นประโยชน์อย่างมากกับ แมนฯ ยูฯ
