͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%  (อ่าน 98 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ kaidee20

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 16453
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นเบี้ยรับปีแรก 1,000ล้านบาทหนุนสัดส่วนประกันสุขภาพแตะ 50% คืบหน้าจ่ายเคลมประกันภัยโควิดเกือบ 900ล้านบาท

อลิอันซ์ อยุธยา ปลื้มผลวิจัยยังครองใจลูกค้า  ลุ้นสิ้นปีเบี้ยประกันสุขภาพเพิ่มสัดส่วนแตะ 50%  ระบุหลังโควิดตลาดเป็นของคนที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและมีกำลังซื้อ-พร้อมให้คำมั่นใจลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่ต่อเนื่อง เผยคืบหน้าจ่ายเคลมประกันภัยโควิดเกือบ 900ล้านบาท

อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%
อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากผลวิจัยลูกค้าทั่วโลกพบว่า อลิอันซ์ยังเป็นแบรนด์อันดับหนึ่ง ขณะที่อลิอันซ์ อยุธยาลูกค้ามีความพึงพอใจสูงทั้งประกันชีวิตและประกันสุขภาพ  สะท้อนจากผลงานที่ตอบโจทย์ลูกค้าทั้งรูปแบบประกัน การให้บริการก่อนและหลังการขาย  ไม่ว่าการสื่อสาร การเตือนชำระเบี้ย สิทธิประโยชน์ การแก้ปัญหา การจ่ายสินไหมทดแทนหรือการเคลม หรือการต่ออายุกรมธรรม์


นอกจากนี้ยังสะท้อนจากสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพที่ปรับเพิ่มอย่างต่อเนื่องจากสัดส่วน 37%เมื่อปี 2560 ปัจจุบันสัดส่วนเพิ่มเป็น 48% จากปีก่อนอยู่ที่ 45%และคาดว่าจะเห็นสัดส่วนเพิ่มเป็น 50%ในสิ้นปี2564 เพราะแนวโน้มคนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับประกันสุขภาพมากขึ้น  ทั้งนี้ สัดส่วนของเบี้ยประกันสุขภาพประมาณ 48% คิดเป็นเบี้ยประมาณ 885 ล้านบาท และถ้าสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพจะไป 50% ต้องทำเบี้ยประกันรับปีแรก(ANP) ให้ได้ประมาณ 1,000 ล้านบาท

อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%
อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%

“ ตอนนี้เป็นตลาดของคนที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและมีกำลังซื้อแม้เศรษฐกิจไม่ดี หรือคนตกงาน  แต่เราได้อัพเกรดและพัฒนาแบบประกันสบายกระเป๋าเพื่อตอบโจทย์ได้ตรงใจลูกค้า  และการที่เรามีโครงการทำไปด้วยกันกับคปภ. ในแง่ยืดหยุ่นระยะเวลาในการจ่ายเบี้ยไป 90วัน สำหรับลูกค้าที่มีปัญหาทางการเงิน แต่เน้นให้มั่นใจลูกค้าจะได้รับความคุ้มครองที่ต่อเนื่องซึ่งลูกค้าพยายามจะเก็บประกันสุขภาพไว้เห็นได้จากอัตราความคงอยู่ที่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง”


สอดคล้องกับผลสำรวจลูกค้าพบว่า หลังสถานการณ์โควิดช่วง 2ปีตลาดประกันได้รับผลกระทบเชิงบวกจากคนส่วนใหญ่ที่หันมาให้ความสำคัญในการดูแลสุขภาพมากขึ้น  68%   ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเพิ่ม 67.7% ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพเพิ่ม 59.3%  รวมถึงการป้องกันตัวเองจากโควิดก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ซึ่งสะท้อนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เหล่านี้เป็นเหตุให้คนที่ไม่เคยมีประกันตัดสินใจซื้อประกันง่ายขึ้นในปีที่ผ่านมา

นอกจากลูกค้าปัจจัยความเร็ว และประสิทธิภาพในการให้บริการ หรือการแกไขปัญหา และตอบสนองความต้องการแล้ว ปัจจุบันลูกค้ายังให้น้ำหนักถึงรูปแบบประกันที่ตอบโจทย์ความคุ้มครองผู้ป่วยนอกหรือผู้ป่วยในและราคาที่เหมาะสมกับความสามารถด้วย  เนื่องเพราะการซื้อประกันเป็นการจ่ายระยะยาวที่ไม่ใช่จ่ายแล้วจบ  

อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%
อลิอันซ์ อยุธยา ลุ้นสิ้นปีสัดส่วนเบี้ยประกันสุขภาพแตะ 50%

ต่อข้อถามสัดส่วนลูกค้าใน 3เซ็กเม้นนั้น ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์ของบริษัทดูจากเบี้ยประกันภัยรับปีแรกแต่ละผลิตภัณฑ์เทียบกับพอร์ตประกันสุขภาพทั้งหมด ซึ่งเซ็กเม้นในพีระมิด แบ่งเป็น แบบประกันสุขภาพปลดล็อค สบายกระเป๋า 12%  ,ปลดล็อค อัลตร้า 45%และมาย เฟิร์ส คลาส 11% โดย 10เดือนที่ผ่านมาเบี้ยรับรวม 7,700ล้านบาทเติบโต 6%เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนขณะที่เบี้ยประกันภัยรับปีแรกบวก 8%

 

ส่วนความคืบหน้าอัตราเคลมประกันภัยโควิดนั้น  ล่าสุดบริษัทจ่ายเคลมไปเกือบ  900ล้านบาทแล้ว โดยมีลูกค้าที่บริษัทดูแลประกันภัยโควิดมากกว่า 14,000เคส  ซึ่งเป็นสินค้าประกันสุขภาพของบริษัทที่ให้ความคุ้มครองโควิดแม้บริษัทไม่ได้ขายประกันภัยโควิดก็ตาม   ในแง่ของการเคลมประกันสุขภาพนั้นมีปริมาณไม่มาก   ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคนไม่กล้าไปโรงพยาบาล โดย พยายามเซฟตัวเองแต่บริษัทให้ความมั่นใจพร้อมให้ความคุ้มครองเต็มที่

 

ปัจจุบันบริษัทยังคงพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นตอบโจทย์กลุ่มเฟิร์สคลาส ด้วยความคุ้มครอง 80ล้านบาท  100ล้านบาท  ปัจจุบันลูกค้าสามารถใช้บริการได้ทุกโรงพยาบาลในเครือกรุงเทพดุสิต(BDMS)ทั่วประเทศ รวมทั้งโรงพยาบาลในกัมพูชา และ BDMS ออกโปรดักส์ใหม่ความคุ้มครอง 60ล้านบาทและ120ล้านบาท

 

ส่วน “แบบประกันสุขภาพปลดล็อคอัตรา”  ความคุ้มครอง 5-30ล้านบาท เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว และปลดล็อคสบายกระเป๋า ซึ่งสอดคล้องกับรายได้ของลูกค้า ตามสถานการณ์เศรษฐกิจโดยเฉพาะเบี้ยไม่ถึง 10,000บาท หรือ ถ้าจ่ายเต็ม  10,000กว่าบาทให้ความคุ้มครอง 1ล้านบาท