͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: สธ.หวังฉีดวัคซีนตามเป้า 100 ล้านโดส ปีหน้าเตรียมไว้แล้ว 120 ล้านโดส  (อ่าน 75 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Cindy700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15687
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ปลัดสธ. คิกออฟจัดสัปดาห์รณรงค์ ฉีดวัคซีน โควิด-19 ตั้งเป้าให้ถึง 100 ล้านโดส ลั่นจะไม่ให้ปิดประเทศอีก ปีหน้าเตรียมวัคซีนแล้ว 120 ล้านโดส

เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2564 ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลพลาซา เวสต์เกต จ.นนทบุรี นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วยผู้บริหาร สธ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการสัปดาห์แห่งฉีดวัคซีน โควิด-19 เนื่องในวันสถาปนากระทรวงสาธารณสุข และวันพ่อแห่งชาติ ซึ่งเริ่มวันนี้เป็นวันแรก โดยตั้งเป้าหมายให้ถึง 100 ล้านโดส ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน นี้

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า โควิด-19 โจมตีเราตั้งแต่ต้นปี 63 จนขณะนี้ปลายปี 64 สู้กันมา 2 ปี เราจะต้องอยู่กับโรคนี้แบบให้ทำร้ายเราไม่ได้ ให้เป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็วที่สุด โดยประเทศไทยมีเป้าหมายฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้ายโดส หรือ 50 ล้านคน ซึ่งวันนี้เราฉีดสะสมได้ 92 ล้านโดส หมายความว่าทำงานได้ 92% แล้ว


คนที่ยังไม่มาฉีดมี 3 ประเภท คือ 1)ลังเล จากการได้ข่าวไม่ชัดเจนเรื่องเสียชีวิตจากวัคซีน ซึ่งจากการติดตามผู้เสียชีวิตจากวัคซีนมีเพียงรายเดียว ถือว่าน้อยมาก ส่วนผลข้างเคียงอาจมีบ้างก็ได้รับการดูแล 2)คนที่จองวัคซีนไว้และอยากฉีดที่จองไว้ แต่รัฐบาลก็มีให้ อยากให้มาฉีดฟรี เพราะวัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่อยู่ในตัว และ 3)คนที่อยู่ห่างไกลเข้าถึงยากหรือไม่มีทะเบียน หรือคนต่างด้าวลอบเข้าเมือง

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า เราประมาณจำนวนประชากรไว้ 75 ล้านคน ซึ่งจริง ๆ เรามีประชากร 67 ล้านคน ประมาณการณ์ว่าชาวต่างชาติในไทย 5 ล้านกว่าคน ช่วงระบาดใหญ่กลับไป 2-3 ล้านคน เราฉีดต่างชาติไป 1.8 ล้านคนก็เริ่มหายากแล้ว ซึ่งจากจำนวน 67 ล้านคน หากไม่รวมเด็กอายุ 0-11 ปีประมาณ 10 ล้านคน ก็เหลือประมาณ 57 ล้านคน



เราฉีดคนไทยประมาณ 47-48 ล้านโดส เป็นเข็ม 1 ประมาณ 71% เข็ม 2 ประมาณ 61% ก็ถือว่าเหลือไม่มากแล้วสำหรับคนไทย แต่คนที่มาพำนักในไทยต้องได้รับด้วย ซึ่งเราก็จัดรณรงค์ฉีดและจะฉีดต่อเนื่อง ไม่ใช่หลังจากวันที่ 5 ธันวาคม แล้วไม่ฉีดต่อ เราจะก็ฉีดจนสิ้นปี เพราะมีมากพอ ไม่ใช่วัคซีนเพียงพอ

เรามีถึง 140 ล้านโดสในมือ ไม่ต้องตกใจว่าจะไม่ได้ หรือไม่ต้องไปฉีดวิธีอื่น อย่างฉีดใต้ผิวหนังที่ใช้โดสน้อยก็ไม่จำเป็น และเรามีวัคซีนทุกเทคโนโลยี ทั้งเชื้อตาย ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ไวรัลเวกเตอร์ แอสตร้าเซนเนก้า และ mRNA ไฟเซอร์ โมเดอร์นา ส่วนวัคซีนทางเลือกก็มี จึงเพียงพอทุกคนในประเทศไทย อย่างน้อย 2-3 เข็ม





สำหรับปี 65 สธ. เตรียมวัคซีนบูสต์เข็ม 3 และ 4 ไว้หมดแล้ว ตกลงเซ็นสัญญา 120 ล้านโดส แม้จะมี 60 ล้านคน แต่เราเตรียมไว้เพราะอาจบูสต์จำนวน 1-2 เข็ม ซึ่งเราจองเรียบร้อยแล้ว จะทยอยมาตั้งแต่ต้นปี โดยเรายังพิจารณาให้คนที่ไม่ได้รับเข็ม 1 และ 2 หรือครบ 2 เข็มต้องเข็ม 3 ก็ฉีดให้ หรือคนที่รับเข็ม 3 ไปแล้วเมื่อถึงเวลาก็อาจต้องฉีดเข็ม 4 ใน กุมภาพันธ์ มีนาคม ก็เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นเรื่องภูมิต้านทานคงไม่เป็นปัญหา

“เราพบว่าภาคพื้นยุโรปเกิดการติดเชื้อเพิ่มขึ้นมาก เกิดจากฉีดแค่ 2 เข็ม แต่ประเทศไทยนักวิชาการเราเก่งก็แนะนำฉีดเข็ม 3 ฉีด ไป 3-4 ล้านโดส ทำให้ประเทศไทยยังไม่มีการติดเชื้อรุนแรง การติดเชื้อรายวันเป็นไปตามเป้าหมายที่ควบคุมไว้ ลดลง ประมาณต้นธันวาคม น่าจะเหลือต่ำกว่า 5,000 รายต่อวัน และเสียชีวิตน่าจะประมาณ 30-40 รายต่อวัน

ก็กำลังเข้ามาสู่แนวนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่ระบบสาธารณสุขไทยรองรับได้สบาย ซึ่งตอนนี้เราใช้ประมาณ 33-34% มีช่องว่างเหลือประมาณ 60 กว่า% ก็จะรองรับได้และดูแลโรคอื่นได้ด้วย” นพ.เกียรติภูมิกล่าว



นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า สธ. เคยคุยกันว่าจะไม่ยอมให้มีการปิดประเทศ เพราะที่ผ่านมาการระบาดใหญ่ทำประเทศบอบช้ำ ขณะนี้เรารักษาโรคแล้ว 2 ล้านคน มีผู้ป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งตอนระบาดหนักมีเสียชีวิตขณะยังมาไม่ถึงรพ. ซึ่งจะไม่ให้เกิดขึ้นแล้ว

ทั้งนี้ ยอมรับว่าตอนโรคระบาดใหม่ทุกประเทศเอาไม่ทัน แต่ตอนนี้พร้อมตั้งหลักได้ จะป้องกันไม่ให้เกิดระบาดใหญ่อีก ต้องอาศัยความร่วมมือทุกฝ่าย ด้วยวัคซีน การป้องกันตนเอง และเมื่อไปสถานบริการต่าง ๆ ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน ร้านกาแฟ ช็อปปิ้งเซ็นเตอร์ ร้านสะดวกซื้อ สธ.ก็เคร่งครัดการเข้าไปใช้บริการ เน้นใส่หน้ากาก วัดอุณหภูมิ เว้นระยะห่าง

นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า อย่างร้านอาหารที่ดื่มสุราได้ ต้องทำมาตรการ COVID Free Setting คือ สถานที่สะอาด ถูกสุขอนามัย มีการเว้นระยะห่าง มีเจลแอลกอฮอล์ มีการตรวจอุณหภูมิ พนักงานต้องฉีดวัคซีนทุกคน คนไปดื่มต้องไปแสดงผลวัคซีน หรือตรวจ ATK ไม่มีเชื้อ มีภูมิถึงปลอดภัย จึงผ่อนคลายสถานบริการให้ได้มากที่สุดแต่ป้องกันการระบาดโรคด้วย

อย่างผับบาร์ คาราโอเกะ ก็อยากเปิด เห็นใจ แต่เที่ยวที่ผ่านมากิจการนี้ทำให้แพร่กระจายจำนวนมาก จึงขอเวลา ถ้าทำตามมาตรการนี้ได้ก็จะคุมการระบาดได้ ร้านก็จะติดป้ายว่าเป็น COVID Free Setting หรือ SHA Plus ก็เข้าไปใช้บริการได้ หากไม่เป็นไปตามนี้ให้แจ้งกลับมาบอกเพื่อตรวจสอบ



ถ้าช่วยกันอย่างนี้ และเมื่อมีความเสี่ยงก็ตรวจ ATK ซึ่งทุกวันนี้ราคาไม่ถึง 40 บาทขององค์การเภสัชกรรม ปีหน้าก็นิวนอร์มอลใหม่ประเทศก็กลับคืนมา ถ้าไม่ร่วมมือติดเชื้อใหญ่ก็กลับไปอยู่ที่เดิม ซึ่งหากธันวาคม นี้ช่วยกันเคร่งครัด เราก็จะคริสต์มาสได้ เคานต์ดาวน์ได้ ฉลองช่วงธันวาคม ได้แน่นอน และเข้าสู่ปีหน้าด้วยนิวนอร์มอลอยู่กับไวรัสได้ใกล้เคียงปกติที่สุด