เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.64) จะเป็นวันแรกที่เปิดประเทศรับผู้เดินทางและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งล่าสุด ศบค.ได้ปรับระดับสถานการณ์ย่อยแต่ละพื้นที่เพื่อรองรับการเปิดประเทศ โดย
ลดพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) เหลือ 7 จังหวัด ได้แก่ จันทบุรี ตาก นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี ยะลา และสงขลา เนื่องจากยังมีการติดเชื้อสูง โดยยังห้ามออกนอกเคหสถาน เวลา 23.00 - 03.00 น. ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขได้เร่งฉีดวัคซีนโควิด 19 ให้ครอบคลุม เพื่อควบคุมโรคและลดการแพร่เชื้อ ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) เพิ่มขึ้นเป็น 38 จังหวัดพื้นที่ควบคุม (สีส้ม) 23 จังหวัด นอกจากนี้ ยังปรับลดสถานการณ์โดยกำหนดพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) 5 จังหวัด ได้แก่ นครพนม น่าน บึงกาฬ มุกดาหาร และสกลนคร เนื่องจากมีการติดเชื้อต่ำ และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) 4 จังหวัด ได้แก่ กทม. กระบี่ พังงา และภูเก็ต เปิดทั้งจังหวัด ส่วนอีก 13 จังหวัดที่เหลือเป็นการเปิดเฉพาะบางพื้นที่ ซึ่งจะใช้มาตรการเดียวกับพื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว)
นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า พื้นที่สีเหลืองและสีฟ้า กิจการกิจกรรมหลายๆ อย่างสามารถกลับมาเปิดให้บริการได้เกือบปกติ แต่พื้นที่สีเหลืองยังไม่ได้เปิดให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ส่วนพื้นที่สีฟ้าแม้จะดื่มในร้านอาหารได้ แต่ได้มอบให้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครพิจารณาออกแนวทางการให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารอย่างปลอดภัย เพื่อลดการแพร่เชื้อโควิด 19 อย่างไรก็ตาม หากงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้จะดีที่สุด เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ทำให้เกิดการถอดหน้ากาก และทำให้ขาดสติ การป้องกันตนเองลดลง ส่วนสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อยู่ระหว่างให้ผู้ประกอบการเตรียมความพร้อม และจัดทำมาตรการเพื่อรองรับการผ่อนคลายกิจการในระยะถัดไป
“ขอย้ำว่าแม้จะมีการผ่อนคลายกิจการกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นในแต่ละพื้นที่ เพื่อเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว แต่สิ่งสำคัญคือ ยังต้องปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ อย่างเข้มข้น โดยเฉพาะมาตรการส่วนบุคคล ป้องกันตนเองสูงสุดตลอดเวลา เว้นระยะห่าง ล้างมือ สวมหน้ากาก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดการติดเชื้อและแพร่เชื้อ แม้จะมีการฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ครอบคลุมสูงขึ้นก็ตาม ส่วนสถานประกอบการต่างๆ ยังต้องเข้มมาตรการ COVID Free Setting เพื่อให้เป็นสถานที่ปลอดโควิด ขอให้ทุกคนร่วมมือกัน เพื่อลดการแพร่ระบาด เปิดประเทศอย่างปลอดภัย เพราะหากหย่อนยานมาตรการ เมื่อมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอาจต้องปิดสถานที่หรือกิจการ ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบและไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย ส่วนมาตรการทางด้านสาธารณสุขยังมีความพร้อม ทั้งการสอบสวนควบคุมโรค การตรวจหาเชื้อ และการรักษาพยาบาล” นพ.เกียรติภูมิกล่าว