͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ดีลลับ ทำศึกซักฟอกกร่อย  (อ่าน 508 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ PostDD

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14907
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
ดีลลับ ทำศึกซักฟอกกร่อย
« เมื่อ: 04 2020-03-04 2020 11:%i:1583297855 »
แทนที่จะส่งผลร้ายต่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและคณะ แต่กลายเป็นว่า “ญัตติซักฟอก “ภายใต้การนำของ “เพื่อไทย” และอีก 5 พรรคการเมือง กลับเป็นระเบิดด้าน ย้อนทำลายพวกเดียวกันและส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือพรรคฝ่ายค้านอย่างคาดไม่ถึง
อังคารที่ 3 มีนาคม 2563 เวลา 09.00 น.


จบแบบนอกเหนือความคาดหมาย แทบไม่มีใครคิดว่า บทสรุปญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม พร้อมทั้งรัฐมนตรี 5 ท่านประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มี “เพื่อไทย” (พท.) เป็นแกนนำจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู

ยิ่งเป็นการอภิปรายครั้งแรกในรอบ 6 ปี หลายคนที่ติดตามข่าวสารการเมือง ทั้งที่รักใคร่ชอบพอ และชิงชังรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่างรอคอยอยากติดตามกระบวนการตรวจสอบตามกลไกในระบบรัฐสภาอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อตรวจสอบว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้านนำเสนอ เป็นจริงตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ การอภิปรายของพรรคฝ่ายค้าน และการชี้แจงของนายกฯ และรัฐมนตรีทั้ง 5 ท่านใครมีน้ำหนักมากกว่ากัน



ลองย้อนอดีตที่ผ่านมา จะพบว่า ศึกซักฟอกแต่ละครั้ง มักก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ในฝ่ายบริหารเกือบทุกครั้งไม่ว่าจะปรับคณะรัฐมนตรี (ปรับ ครม.) รัฐบาลตัดสินใจยุบสภาฯ แต่ศึกซักฟอกที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆนอกจากรัฐบาลจะไม่ได้รับผลกระทบ ยังมี ส.ส พรรคฝ่ายค้าน แสดงตัวเป็น “งูเห่า” ร่วมออกเสียงไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนเพิ่มขึ้นมาอีก โดย "บิ๊กป้อม “พล.อ.ประวิตร” ในฐานะผู้จัดการรัฐบาลและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ได้คะแนนไว้วางใจสูงมากที่สุด

ลองไล่ดูคะแนนไว้วางใจนายกฯ และรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 49 คะแนน โดยมี ส.ส.งดออกเสียง 2 คน 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้รับความไว้วางใจ 277 ต่อ 50 คะแนน โดยมีส.ส.งดออกเสียง 2 คน3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 54 คะแนน โดยมีส.ส.งดออกเสียง 2 คน4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 54 คะแนน โดยมีส.ส.งดออกเสียง 2 คน 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ได้รับความไว้วางใจ 272 ต่อ 55 คะแนน โดยมีส.ส.งดออกเสียง 2 คน 6 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้รับความไว้วางใจ 269 ต่อ 55 คะแนน โดยมีส.ส.งดออกเสียงจำนวน 7คน

ในส่วนคะแนน พล.อ.ประวิตร ที่มีมากกว่ารัฐมนตรีคนอื่น จากการตรวจสอบพบว่า มาจากพรรคเพื่อไทย (พท.) 2เสียง และพรรคเสรีรวมไทย (สร) 3เสียง จากการตรวจสอบรายชื่อพบว่า 2 เสียงจากพท.ประกอบด้วย 1.นางสาวพรพิมล ธรรมสาร ส.ส.ปทุมธานี 2.นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กรุงเทพ ส่วนพรรคเสรีรวมไทย 3 คน ประกอบด้วย1.นายวัชรา ณ วังขนาย 2.นายอำไพ กองมณี 3. น.ส.นภาพร เพ็ชรจินดา โดยทั้ง 3 เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ



จึงไม่แปลก เมื่อการอภิปรายไม่วางใจจบเสร็จสิ้นลง “นายปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จะโพสต์เฟซบุ๊ก ให้ความเห็นทันทีระบุว่า การทำงานกับพรรคร่วมฝ่ายค้านที่ไม่แน่นอนชัดเจนตั้งแต่วันแรกจนวันนี้

ทำให้เสียโอกาสการอภิปราย พล.อ.ประวิตร, พล.อ.อนุพงษ์ และ นายวิษณุ การเจรจาหาข้อตกลงกับพท. เป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะไม่รู้ว่าศูนย์อำนาจการตัดสินใจ หรือ Final Say อยู่ที่ไหนกันแน่ ตกลงแล้ว เปลี่ยนคนหนึ่งพูดอย่าง อีกคนพูดอย่าง



พอมาการอภิปรายฯไม่ไว้วางใจวันสุดท้าย วันที่ 4 ส.ส.ที่สร้างเงื่อนไขไว้ว่า จะอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์ ปรากฎว่า ก็ไม่เข้ามาประชุมเสียที จนในสภาต้องใช้ “แท็คติก” หารือถ่วงเวลาไปหนึ่งชั่วโมง จนพอได้อภิปรายก็กลับใช้เวลาเกินคนอื่นอีกร่วมชั่วโมง จากนั้นรัฐมนตรีตอบกันอีกหลายคน หลายชั่วโมง จากการประเมินผมรู้แล้วว่า “พวกเขา” ไม่ต้องการให้เราอภิปรายรัฐมนตรีที่เหลือ โดยเฉพาะพล.อ.ประวิตร

อดีตเลขาธิการพรรคส้มหวาน ยังระบายความรู้สึกอีกว่า “พวกเขา” เผาเวลาของเราไปเรื่อยๆ จากรัฐมนตรีที่เราต้องอภิปรายอีก 3 คน คือ พล.อ.ประวิตร, พล.อ. อนุพงษ์ และ นายวิษณุ กลายเป็นได้อีกแค่ 1คนเท่านั้น รัฐบาลเล็งเห็นโอกาสนี้ จึงใช้โอกาสนี้เต็มที่ ไม่ยอมผ่อนผันแม้แต่น้อย เพราะรัฐบาลต้องการปกป้องรักษา พล.อ.ประวิตรเต็มที่ พวกเราจึงต้องวอล์คเอาท์ มาอภิปรายนอกสภา

ส.ส.อนาคตใหม่ และทีมงานเบื้องหลัง ตั้งใจทำงาน เตรียมอภิปรายมาอย่างดี แต่กลับต้องมาถูกการบริหารงานแบบไม่มีประสิทธิภาพ การไม่เคารพกติกาแบบนี้ ตัดโอกาสเราญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นญัตติที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของพรรคฝ่ายค้าน แต่เรากลับถูก “โกง” เวลา

“มีข่าวลือเรื่อง คุณขอมา ไม่ให้อภิปราย ประวิตร วงษ์สุวรรณ แต่พวกเราไม่เชื่อว่า เป็นความจริง และเริ่มมีข้อเสนอว่าให้อภิปรายประยุทธ์คนเดียวก็พอ คนอื่นไม่ต้อง แต่พวกเรายืนยันว่า ต้องอภิปรายรัฐมนตรีคนอื่นๆ ด้วย เพราะเตรียมงานไว้หมดแล้ว รายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะถูกอภิปรายถูกสับเปลี่ยนไปมาตลอด กว่าจะนิ่ง ต้องรอจนช่วงท้ายๆ” ตอนหนึ่งในเฟซบุ๊กของนายปิยบุตร

...อย่างไรก็ตาม แม้แกนนำพท.บางคนจะไม่พอใจ การแสดงความเห็นของนายปิยบุตร เพราะมองว่า เป็นการเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น แต่ถ้าย้อนดูตามการทำหน้าที่ของพท. จากผลงานในสภาในช่วง 4 วันที่ผ่านมา ถือว่าล้มเหลว ถูกวิจารณ์ในทางลบ จากสื่อมวลชนและนักวิชาการ ซึ่งติดตามการทำหน้าที่ของพรรคร่วมฝ่ายค้านช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนำข้อมูลจากสื่อมาตัดแปะ โดยไม่มาทำการบ้านเพิ่มเติม นำเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อภิปรายวนเวียนซ้ำซาก ขาดข้อมูลสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลกระทำผิดจริง แม้กระทั่งส.ส.ที่ถูกมอบหมายให้รับบท “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ทั้งอย่างนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม, นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม



แม้แต่ “นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” ส.ส.อุตรดิตถ์ ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่า อภิปรายยืดเยื้อซ้ำซากเหวี่ยงแหไปทั่ว แถมยังอ้างข้อกฎหมายผิดๆถูกๆ เปิดช่องให้ “นายวิษณุ” สวนกลับ จนแทบแทรกแผ่นดินหนี นอกจากนี้ในช่วงท้ายการอภิปราย ส.ส.อุตรดิตถ์ ยังท้าหัวหน้ารัฐบาล ดวลปืนที่หน้าวัดพระแก้ว จนถูกวิจารณ์ถึงความเหมาะสม สะท้อนให้เห็นวุฒิภาวะนักการเมืองสังกัดพท.

เลยทำให้ความโดดเด่นในการทำหน้าที่ตรวจสอบในสภาฯ ตกอยู่กับสมาชิกพรรคส้มหวาน จนทำให้เกิดปัญหาการจัดสรรเวลาระหว่าง พท.กับอดีตส.ส.พรรคการเมืองที่เพิ่งถูกยุบไป ขั้นแกนนำพท. บางคน ต้องออกมาเบรกเพื่อนร่วมงานต่างพรรค ในทำนองอย่าเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น กลายเป็นบาดแผลใหญ่ ซึ่งไม่แน่ใจว่าในอนาคต จะกลายเป็นบาดทะยัก จนลุกลามบานปลาย โดยทั้งพท. และ อดีตพรรคส้มหวาน ต่างแยกย้ายทางใครทางมัน เพราะวิสัยนักการเมืองไม่มีใครยอมใครอยู่แล้ว

ส่วน “ดีลลับ” ที่หลายคนสงสัย จนทำให้รัฐมนตรีบางคนไม่ถูกอภิปราย อาจจะมีบทเฉลยในอนาคต ถ้าเกิดปัญหาขึ้นกับพรรคร่วมรัฐบาล โดย “พท.” อาจเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสมานฉันท์ เข้าเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล ถ้าพันธมิตรการเมือง เล่นบทตีรวนและสร้างเงื่อนจนรับไม่ได้ ยิ่งบีไฮน์เดอะซีนของ “เพื่อไทย” มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจทุกอย่าง บวกรวมกับความสัมพันธ์ที่กับคนใกล้ชิด “บิ๊กรัฐบาล”
..........................................
คอลัมน์ สืบเสาะเจาะข่าว
โดย "ระฆังแก้ว"ข่าวเด่นวันนี้