ราคาหุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัล ตั้งแต่ต้นปีถึง 12 ต.ค.64 บวกคึกคัก
รับเม็ดเงินโฆษณาปรับเพิ่มขึ้น เผยไตรมาส 2 และครึ่งปี 64 มีกำไร 7 บริษัท ยกเว้น TRUE ขาดทุน โบรกชี้เป็นกลุ่มปลอดภัยสำหรับธีมเปิดเมือง พร้อมจับตาหุ้นน้องใหม่ ONEE เตรียมเทรดต้นเดือนพ.ย.นี้
การแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงที่ผ่านมา แม้จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง แต่ก็มีบางธุรกิจที่ได้ประโยชน์จากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค โดยเฉพาะการ Work from home เพื่อหลีกเลี่ยงการแออัดในที่ทำงาน รวมถึงลดการเดินทางไปเจอผู้คนตามสถานที่เสี่ยงทำให้กิจกรรมบันเทิงเพื่อผ่อนคลายอย่างการดูรายการต่างๆผ่านทีวีดิจิทัล เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง
บริษัท นีลเส็น (ประเทศไทย)จำกัดรายงานมูลค่าเม็ดเงินโฆษณา ช่วงมกราคมถึงสิงหาคม 2564 มูลค่ารวมอยู่ที่ 70,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่มีมูลค่า 67,812 ล้านบาท โดยสื่อทีวียังคงเป็นสื่อที่มีสัดส่วนของการใช้เม็ดเงินโฆษณาสูงสุดอยู่ที่ 61%
ส่วนเม็ดเงินโฆษณาในเดือนสิงหาคม 2564 เพียงเดือนเดียวมีมูลค่า 8,118 ล้านบาท ลดลง 13% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ 9,330 ล้านบาท ซึ่งสื่อทีวีมีมูลค่า 4,914 ล้านบาท ลดลง 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 5,575 ล้านบาท
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)เปิดเผยว่า ราคาหุ้นกลุ่มทีวีดิจิทัลตั้งแต่ต้นปีถึงวันที่ 12 ตุลาคม 2564 ปรับเพิ่มขึ้นทุกบริษัท โดยบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) (WORK) เพิ่มขึ้น 54.15%, บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) (GRAMMY) เพิ่มขึ้น 59.34%, บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน) (AMARIN) เพิ่มขึ้น 52.84%
ผลการดำเนินงาน กลุ่มทีวีดิจิทัล
ผลการดำเนินงาน กลุ่มทีวีดิจิทัล
บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) (BEC) เพิ่มขึ้น 41.23%, บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) (MCOT) เพิ่มขึ้น 75.47%, บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TRUE) เพิ่มขึ้น 25% และบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) (RS) เพิ่มขึ้น 6.93% ส่วนบริษัทโมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) (MONO) ลดลง 30.57%
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 6 บริษัท คือ WORK, AMARIN, BEC, MCOT, RS และ MONO โดย BEC มีกำไรสุทธิมากที่สุด 184.68 ล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 266.75 ล้านบาท ส่วน GRAMMY และ TRUE มีผลขาดทุนสุทธิ ด้านผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2564 มีกำไรสุทธิ 7 บริษัท คือ WORK, AMARIN, BEC, MCOT, RS, MONO และ GRAMMY ที่มีกำไรสุทธิสูงที่สุด 383.16 ล้านบาท และ TRUE ที่มีผลขาดทุนสุทธิเพียงบริษัทเดียว
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง จำกัดระบุว่า กลุ่มทีวียังคงเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยสำหรับธีมหุ้นเปิดเมือง โดยราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมา สอดรับกับประเด็นบวกจากการเปิดเมืองระดับหนึ่งแล้ว แต่ในเชิงพื้นฐานคาดว่า ต้องใช้เวลาพอสมควรก่อนที่จะฟื้นตัว เพราะสถานการณ์การแตกต่างกันไป เช่น ตัวเลขคนติดเชื้อที่ยังสูง และกำลังซื้อที่ลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ แม้จะมีประเด็นบวกอย่างจำนวนการฉีดวัคซีนที่มากขึ้น แต่คนน่าจะยัง “กลัว” มากกว่า “กล้า” ซึ่งในระยะสั้นนี้หลังการเปิดเมือง มองว่าหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากทางภาครัฐ กลุ่มทีวีก็จะได้รับอานิสงส์บวกไปด้วย
ขณะเดียวกันมีบริษัทจดทะเบียน(บจ.) ที่ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับสื่อทีวีดิจิทัล เตรียมเข้าซื้อขายในตลท. คือบริษัท เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) (ONEE) หรือ ช่องวัน โดยกำหนดช่วงราคาเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ที่หุ้นละ 7.50-8.50 บาท เสนอขายหุ้นรวม 496,252,500 หุ้น มูลค่าระดมทุนประมาณ 3,722- 4,218 ล้านบาท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ณ ราคาไอพีโอ ประมาณ 17,859-20,240 ล้านบาท คาดว่าจะเข้าซื้อขายได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2564
นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONEE กล่าวว่า การระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยให้สามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง สามารถพัฒนานักแสดงหน้าใหม่มากฝีมือเข้าสู่วงการบันเทิง ยกระดับคุณภาพของคอนเทนต์ไทยสู่ระดับสากล และเพิ่มขีดความสามารถในการนำคอนเทนต์ไปสู่ผู้ชมในต่างประเทศ
นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONEE
นายถกลเกียรติ วีรวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ONEE
"จะทำให้ ONEE สามารถขยายฐานผู้ชมได้ในทุกช่องทาง และส่งเสริมให้ก้าวสู่ความเป็นผู้นำที่เชื่อมโลกการรับชมทุกแพลตฟอร์มเพื่อส่งมอบบันเทิงและความสุขให้คนไทยและผู้ชมทั่วโลกสู่การเติบโตได้อย่างยั่งยืน"นายถกลเกียรติกล่าว
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,723 วันที่ 17 - 20 ตุลาคม พ.ศ. 2564