วันนี้ (24 กันยายน 2564) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) จัดงานแถลงข่าวความสำเร็จโครงการเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อย กิจกรรมส่งเสริมและ
พัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ (SME Restart) ปีงบประมาณ 2564 พร้อมจัดกิจกรรมเสวนาถอดบทเรียนจากโครงการดังกล่าว ณ โรงแรมรอยัล ภูเก็ต ซิตี้ จังหวัดภูเก็ต
นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดภูเก็ตเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ SME Restart เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2564 ขานรับมติคณะรัฐมนตรีซึ่งเห็นชอบเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ในหลักการแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและเสี่ยงปานกลาง ภายใต้โมเดลภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ โดยมี สสว. ร่วมกับ สทท. จัดกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจการท่องเที่ยว รวมทั้งเพิ่มศักยภาพและพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ
“ระยะเวลาประมาณสามเดือนของโครงการ SME Restart ที่เริ่มต้นจากภูเก็ตและขยายผลไปยังจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ แม้จะมีอุปสรรคในเรื่องการแพร่ระบาดในบางพื้นที่ แต่จังหวัดภูเก็ตก็มีมาตรการที่เข้มข้นในการจำกัดการแพร่ระบาด ควบคู่ไปกับการตอบสนองนโยบายฟื้นเศรษฐกิจดังกล่าวของรัฐบาล เพื่อสร้างมั่นใจให้ผู้ประกอบการ และสิ่งสำคัญคือเสริมสร้างกำลังใจให้กับทุกฝ่ายที่แม้จะอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ แต่เมื่อมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงเกิดเป็นความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้งอย่างแน่นอน” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าว
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า เมื่อพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีได้ประกาศแผนการเปิดประเทศ 120 วัน โดยใช้ Phuket Sandbox นำร่อง การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ในกลุ่มท่องเที่ยว ทั้งด้านมาตรฐาน เทคโนโลยี แหล่งทุน และองค์ความรู้เพื่อรองรับรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไป สสว.จึงได้ร่วมมือกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จัดทำโครงการ SME Restart กิจกรรมส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ และสามารถดำเนินการได้ใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี และพังงา รวม 10 ครั้ง
เพื่อเพิ่มศักยภาพในการประกอบธุรกิจให้กับผู้ประกอบการวิสาหกิจรายย่อยที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวทั้งระบบ มีผู้ประกอบการสนใจเข้าร่วมกว่า 1,012 ราย ทั้งนี้เพื่อให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาเข้มแข็งขึ้น และเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและกระจายรายได้ให้ประเทศอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมกว่า 200 ล้านบาท
“เดิมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักของไทยที่สร้างรายได้ให้กับประเทศมากกว่าปีละ 3 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 20% ของ GDP มีอัตราการจ้างงานมากกว่า 4 ล้านคน โดยกว่าหนึ่งแสนรายเป็นผู้ประกอบการ SME หรือ Micro SME เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ประกอบการท่องเที่ยว ต้องปิดตัวชั่วคราวไปมากกว่า 70% ดังนั้นโครงการ SME Restart จึงเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยสร้างความพร้อมและเสริมความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อรับมือกับวิกฤติ รวมทั้งสร้างต้นแบบองค์ความรู้ในการพัฒนาธุรกิจท่องเที่ยวสู่การท่องเที่ยววิถีใหม่ ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้ฟื้นคืน โดยในช่วงสามเดือนที่ดำเนินโครงการดังกล่าว Phuket Sandbox สร้างรายได้ทางตรงกว่า 2,500 ล้านบาท และสร้างเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท” ผอ. สสว. กล่าว
ด้าน นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การระบาดแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะธุรกิจการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมภาคบริการที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพราะนอกจากจะสร้างรายได้โดยมีมูลค่าเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ยังก่อให้เกิดธุรกิจต่อเนื่อง อาทิ โรงแรมและที่พัก ภัตตาคารร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึกและสินค้าพื้นเมือง ซึ่งโครงการ SME Restart ได้ถอดบทเรียนจากผู้ประกอบการ เติมองค์ความรู้และสิ่งที่จำเป็นรองรับการท่องเที่ยววิถีใหม่ รวมทั้งเสริมความเข้มแข็งในการรับมือกับวิกฤติให้ผู้ประกอบการรายย่อย
“เราต้องสร้างความเชื่อมั่นว่า เราจะสามารถฝ่าวิกฤติและฟื้นคืนเศรษฐกิจโดยเฉพาะตัวเลขด้านการท่องเที่ยวจะกลับมาได้ แม้ว่าอาจจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวและเดินไปข้างหน้า แต่จากตัวเลขผู้ประกอบการที่เข้าร่วม และตัวเลขทางเศรษฐกิจในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาของโครงการ เป็นสิ่งที่ยืนยันให้เห็นว่า เรายังคงมีความหวัง ตราบที่ทุกฝ่ายร่วมมือกัน เดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ ควบคู่กับการจำกัดการระบาดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่พร้อมดำเนินตามทุกมาตรการ ทั้งนี้ สสว. และ สทท. จะเดินหน้าผลักดันในทุกมิติเพื่อให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยกลับมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง” ประธาน สทท. กล่าว