คณะที่ปรึกษาของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ(ซีดีซี) ในวันพฤหัสบดี(23กย.)
แนะนำฉีดวัคซีนโควิด-19 ของไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็ม 3 แก่อเมริกันชนอายุ 65 ปีขึ้นไป และประชากรวัยผู้ใหญ่บางรายที่มีโรคประจำตัว ที่ทำให้พวกเขาเสี่ยงติดเชื้ออาการรุนแรง
อย่างไรก็ตามทางคณะที่ปรึกษาลงมติ 9-6 ปฏิเสธคำแนะนำฉีดเข็มกระตุ้นแก่ประชากรวัยผู้ใหญ่อายุ 18-64 ปี ที่พักอาศัยหรือทำงานในสถาบันต่างๆที่มีความเสี่ยงสูงติดเชื้อโควิด-19 บนพื้นฐานความเสี่ยงของแต่ละบุคคล อาทิเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ครูและผู้พักอาศัยตามศูนย์พักพิงคนไร้บ้านและเรือนจำต่างๆ โดยสมาชิกคณะที่ปรึกษาบางส่วนอ้างว่าข้อเสนอดังกล่าวดำเนินการได้ยากในทางปฏิบัติ
ลินน์ บาห์ตา สมาชิกของคณะกรรมการ เจ้าหน้าที่ประจำกรมสาธารณสุขมินนิโซตา โหวตคัดค้านมาตรการนี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนครอบคลุมยิ่งขึ้น "ฉันคิดว่าเรายังไม่มีข้อมูลที่จะสนับสนุนการฉีดเข็มกระตุ้นให้แก่คนกลุ่มดังกล่าว" เธอกล่าว
กรอบคำแนะนำที่ลงมติโดยคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเเนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันโรค (Advisory Committee on Immunization Practices) ของซีดีซี ยังจำเป็นต้องลงนามโดยแพทย์หญิงโรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการซีดีซี อย่างไรก็ตามคำแนะนำนี้ไม่มีพันธผูกพัน รัฐต่างและขอบเขตอำนาจศาลอื่นๆสามารถเห็นต่างได้ และอาจใช้แนวทางอื่นๆในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชาชน
กระนั้นการลงมติของคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเเนวทางการสร้างภูมิคุ้มกันโรค ซึ่งเกิดขึ้นตามหลังความเคลื่อนไหวอนุมัติฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็มกระตุ้นกับอเมริกันชนอายุ 65 ปีขึ้นไปและกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงบางส่วนของทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งชาติสหรัฐฯ(เอฟดีเอ) เป็นการเปิดทางสำหรับเริ่มฉีดเข็มกระตุ้นอย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์นี้ สำหรับชาวอเมริกันชนที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทค เข็ม 2 ผ่านมาเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน
ซีดีซีระบุว่ามีประชาชนราว 26 ล้านรายในสหรัฐฯที่ฉีดวัคซีนไฟเซอร์/ไบออนเทคเข็ม 2 ผ่านมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน ในนั้นเป็นบุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป ประมาณ 13 ล้านคน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐฯและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูง 8 คน แสดงความหวังว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 กันยายน สำหรับบุคคลที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มผ่านมาแล้ว 8 เดือน โดยระบุจากข้อมูลที่ปรากฎพบว่าภูมิคุ้มกันค่อยๆลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
อย่างไรก็ตามพวกนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ในนนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเอฟดีเอ ตั้งคำถามเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยยืนยันว่าแม้เวลาผ่านไป วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพแข็งแกร่งในการป้องกันการเสียชีวิตและป่วยหนักจากการติดเชื้อโควิด-19
กลุ่มคณะที่ปรึกษาอิสระของเอฟดีเอเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปฏิเสธอย่างท่วมท้นต่อการออกคำแนะนำอนุมัติฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในวงกว้าง โดยแนะนำอนุมัติฉีดในวงจำกัดแทน
มีประชาชนมากกว่า 180 ล้านคนในสหรัฐฯที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว หรือราว 64% ของประชากรที่มีสิทธิ์ฉีดวัคซีน
ไฟเซอร์และบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขระดับสูงของสหรัฐฯ ในนั้นรวมถึงนายแพทย์แอนโทนี เฟาซี โต้แย้งว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นมีความจำเป็นเพื่อจัดการกับภาวะภูมิคุ้มกันลด นอกจากนี้แล้ว เฟาซีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ยังเชื่อว่าวัคซีนเข็มกระตุ้นจะช่วยสกัดจำนวนผู้ติดเชื้ออาการหนักถึงขั้นเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้เสียชีวิตอันเนื่องจากตัวกลายพันธุ์เดลตา โดยมันจะช่วยลดเคสฉีดวัคซีนแล้วยังติดเชื้อ( breakthrough infections) ในกลุ่มคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว
เวลานี้สหรัฐฯมีค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 128,000 คนต่อวัน ลดลงจากที่เคยสูงถึงราวๆ 160,000 คนต่อวันในเดือนสิงหาคม ส่วนระลอกล่าสุดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่ไม่ฉีดวัคซีน ก็อาจถึงจุดพีคสุดแล้วเช่นกัน แม้ประเทศแห่งนี้ยังพบผู้เสียชีวิตเฉลี่ยแล้วราวๆ 1,500 คนต่อวันในสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม จากข้อมูลของซีดีซี
บางประเทศ ในนั้นรวมถึงอิสราเอลและสหราชอาณาจักร เริ่มโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นไปแล้ว ส่วนสหรัฐฯ อนุมัติฉีดเข็มกระตุ้นแก่กลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องในเดือนก่อน และเวลานี้มีประชาชนผู้มีสิทธิเข้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นไปแล้วราว 2 ล้านคน
(ที่มา:รอยเตอร์)