͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เก่งทั้งบู๊และบุ๋น 'ชาตรี' ปธ.มวย ONE ฝึกยิวยิตสูจนได้สายน้ำตาล  (อ่าน 114 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ fairya

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 12401
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ชาตรี ศิษย์ยอดธง ประธานและซีอีโอ ONE เชื้อสายไทย-ญี่ปุ่นผู้เคยฝึกฝนมวยไทยมาตั้งแต่เด็ก ด้วยความรักศิลปะการต่อสู้เป็นชีวิตจิตใจ ล่าสุด ชาตรี ได้ผ่านการทดสอบเลื่อนขั้นกีฬาบราซิลเลียนยิวยิตสู (BJJ) จนคว้าเข็มขัดสายน้ำตาลมาครอง ขยับเข้าใกล้สายดำที่ตั้งใจไว้อีกหนึ่งระดับ

เป็นที่รู้กันดีว่า บิ๊กบอส วัน แชมเปียนชิพ หลงใหลในศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในการก่อตั้ง “บ้านแห่งศิลปะการต่อสู้” ภายใต้ชื่อ วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งกลายมาเป็นองค์กรกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเอเชียอย่างทุกวันนี้

ล่าสุด ชาตรี ได้โพสต์ภาพและข้อความในหน้าเฟสบุ๊กส่วนตัว Chatri Sityodtong ประกาศความภูมิใจที่ผ่านการฝึก BJJ อีกขั้นจากเข็มขัดสายสีม่วง มาเป็นสายสีน้ำตาล ซึ่งถือเป็นอันดับสูงสุดรองลงมาจากสายสีดำ

ชาตรี เปิดเผยว่า เขาเริ่มฝึกกีฬา BJJ มาตั้งแต่ปี 2548 กับสถาบัน Renzo Gracie Academy เมื่อครั้งยังเรียนอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา และคว้าเข็มขัดสายสีน้ำเงินซึ่งเป็นขั้นที่สองของระดับผู้ใหญ่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2550 ก่อนจะย้ายมาสิงคโปร์

จากนั้นเขาเปลี่ยนมาฝึกแบบไม่ใส่ชุดกิ (No-gi) และคงซ้อมต่อเนื่องมาตลอด 10 ปี จากนั้นในปี 2561 จึงกลับมาฝึกแบบใส่ชุดกิอีกครั้ง โดยมีความฝันลึก ๆ ในใจว่าจะต้องคว้าเข็มขัดสายดำซึ่งถือเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญของกีฬาชนิดนี้มาให้ได้

แม้ตารางงานในฐานะประธานและซีอีโอของ ONE จะรัดตัวแต่ ชาตรี ยังตั้งใจที่จะสานฝันของตัวเองด้วยการฝึกซ้อม 5-6 ครั้งต่อสัปดาห์ จนได้เลื่อนขั้นถึงระดับเข็มขัดสายสีม่วงในเดือนกันยายน 2562 และยังพยายามฝึกฝนเรื่อยมาจนสามารถเลื่อนระดับอีกครั้งถึงสายสีน้ำตาล โดยนับจากวันแรกที่เขาเริ่มฝึก BJJ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลารวม 16 ปี

ทุกวันนี้ แม้จะประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าของธุรกิจระดับหมื่นล้าน ชาตรี ก็ยังไม่เคยหยุดพัฒนาทักษะการต่อสู้ ทั้งมวยไทยที่เป็นรากเหง้า และกีฬา BJJ ที่เขารัก โดยที่ผ่านมาเขาผ่านการฝึกฝนกับยอดฝีมือระดับปรมาจารย์และมืออาชีพระดับโลกมากมาย รวมถึงผู้ฝึกสอนประจำยิมอีโวลฟ์ในสิงคโปร์ที่เขาเป็นเจ้าของอีกด้วย

“ศิลปะการต่อสู้คือสิ่งที่ผมรัก ศิลปะการต่อสู่คือตัวตนของผม แม้เราจะต้องเจ็บปวดจากการต่อสู้ แต่เราจะได้ค้นพบความยิ่งใหญ่ในตัวเอง” ชาตรีกล่าว