͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: นักลงทุนรายย่อยเก็บหุ้น 9.5หมื่นล้าน  (อ่าน 90 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Naprapats

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14930
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สรุปมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์สะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-17 กันยายน 2564 แยกเป็นนักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 27,424.36 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์(โบรกเกอร์) ซื้อสุทธิ 11,334.52 ล้านบาท นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิ 79,251.11 ล้านบาทนักลงทุนทั่วไปในประเทศ(รายย่อย) ซื้อสุทธิ 95,340.96 ล้านบาท

สำหรับภาวการณ์ลงทุนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนโดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,625.65 จุดลดลง 0.59% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 85,757.98 ล้านบาท ลดลง 5.41% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.00% มาปิดที่ 554.20 จุด


 

หุ้นไทยร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์ตามตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ถูกกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับมาตรการกำกับดูแลภาคธุรกิจของทางการจีน นอกจากนี้ยังมีแรงขายในหุ้นที่มีฟรีโฟลทต่ำ(โดยเฉพาะหุ้นของบริษัทในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์) หลังมีรายงานข่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ เตรียมที่จะพิจารณาปรับเกณฑ์ในการหาหุ้นเข้า SET50 และ SET100 อย่างไรก็ดีดัชนีหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ตามแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติและสถาบันในประเทศ ก่อนจะร่วงลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์ตามแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่การปรับน้ำหนัก FTSE Rebalance เริ่มมีผลในวันที่ 17 กันยายน 2564

สำหรับสัปดาห์นี้ (20-24 กันยายน) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,600 และ 1,580 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,635 และ 1,645 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด (21-22 กันยายน) สถานการณ์โควิด ประเด็นการเมืองไทย ตัวเลขส่งออกเดือนสิงหาคมของไทย ทิศทางเงินลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ของจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านใหม่และบ้านมือสองเดือนสิงหาคมรวมถึงดัชนี PMI เดือนกันยายน (เบื้องต้น)