จากกรณี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) สั่งต้นสังกัดสถานศึกษารายงานจำนวน
เด็กอายุ 12-18 ปี ที่ผู้ปกครองยินยอมให้เข้ารับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ตั้งเป้าฉีดเข็มแรกตุลาคมนี้ ในพื้นที่สีแดงเข้ม 29 จังหวัดก่อน ทั้งนี้ ตั้งเป้าหมายว่าจะเริ่มการฉีดวัคซีนให้ได้ในเดือนตุลาคม 2564 เป็นต้นไป และจะเร่งดำเนินการฉีดให้เร็วและครอบคลุมที่สุดเพื่อรับการเปิดภาคเรียนที่ 2/2564 ในเดือนพฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (14 ก.ย.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ได้มีการออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กเพจ “อนุทิน ชาญวีรกูล” กล่าวถึงประเด็นการฉีดวัคซีนให้แก่เด็กอายุ 12 ปี โดยได้ระบุข้อความว่า
“เป้าหมายของการให้บริการวัคซีนนั้นเพื่อให้เด็กมีความปลอดภัยจากโรคระบาด วางแผนไว้ว่าจะไปให้บริการกันถึงในโรงเรียน ส่วนวัคซีนที่จะให้บริการ เบื้องต้นมีเฉพาะไฟเซอร์ เนื่องจากตอนขึ้นทะเบียน เป็นยี่ห้อเดียวที่ระบุว่าสามารถฉีดให้เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ก็ต้องดูผลศึกษาจากคณะกรรมการวิชาการเพิ่มเติม ส่วนการลงมือปฏิบัติ ก็อาจต้องให้ผู้ปกครองร่วมกันตัดสินใจด้วย สำหรับวัคซีนยี่ห้ออื่น หากจะมาให้บริการแก่เด็กก็ต้องไปขึ้นทะเบียนใหม่กับทาง อย.
สถานการณ์การให้บริการวัคซีนในประเทศไทย มีการจัดหา และนำเข้าวัคซีนเรื่อยๆ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ความสามารถในการฉีดของเราทำได้ถึง 9 แสนโดสต่อวัน การฉีดวัคซีนเป็นเรื่องที่จำเป็น จะช่วยลดอัตราการป่วยหนัก และลดอัตราการเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนมาตรการการคลายล็อกนับจากนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบจากปัจจัยหลายอย่าง หากมั่นใจว่ามีความปลอดภัยการคลายล็อกก็จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน”
