͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: สหรัฐฯ อาการไม่ดี! 2 รัฐป่วยหนักพุ่งแม้อัตราฉีดวัคซีนสูง ตายเฉลี่ยทั่วประเทศ 500 คนต่อวัน  (อ่าน 163 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chanapot

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 14700
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกล่าสุด ทำให้จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในหลายพื้นที่ทางภาคใต้ของสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และมันกำลังเล่นงานอย่างหนักรัฐต่างๆ อย่างเช่น ฮาวายและออริกอน ซึ่งครั้งหนึ่งเคยประสบความสำเร็จควบคุมโรคระบาดใหญ่และมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไปประเทศ ส่งให้เวลานี้ค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทั่วประเทศแตะระดับราวๆ 123,000 คนต่อวัน และเสียชีวิต 500 คนต่อวัน

หลายเดือนหลังจากประสบความสำเร็จในการควบคุมเคสผู้ติดเชื้อและผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ เวลานี้หลายรัฐกำลังก้าวถอยหลัง ท่ามกลางจำนวนคนไข้ที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สร้างความอ่อนล้าแก่บุคลากรทางการแพทย์ที่งานล้นมือ

ออริกอน ก็เช่นเดียวกับฟลอริดา อาร์คันซอและลุยเซียนา ที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด และสถานการณ์ในฮาวายก็ไม่ต่างกัน

สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแม้ว่าออริกอนและฮาวาย มีระดับการฉีดวัคซีนสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนอาร์คันซอและลุยเซียนาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอย่างมาก ขณะที่ฟลอริดามีอัตราการฉีดวัคซีนพอๆ กับค่าเฉลี่ยทั่วประเทศ

"มันใจสลาย ผู้คนเหนื่อยล้า คุณสามารถเห็นมันในดวงตาของพวกเขา" นายแพทย์เจวัน คูห์ล หัวหน้าเจ้าหน้าที่แพทย์แห่งศูนย์การแพทย์พรอวิเดนซ์ เมดฟอร์ด เมดิคอล เซ็นเตอร์ กล่าว และเล่าถึงสภาพที่คนไข้หลายคนถูกทิ้งไว้บนเตียงเคลื่อนที่บริเวณทางเดินของอาคาร และเครื่องมือสำหรับสังเกตอาคารของคนไข้เหล่านั้นส่งสัญญาณดังตลอดเวลา

ไวรัสกำลังถาโถมโจมตีสหรัฐฯ อีกรอบ ผลจากการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์เดลตาที่แพร่เชื้อได้ง่ายมากและอัตราการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า โดยเฉพาะในแถบภาคใต้ของประเทศ พื้นที่ชนบทพื้นอื่นๆ และหลายพื้นที่ทั่วประเทศที่มีแนวคิดอนุรักษนิยม

ปัจจุบัน เคสผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอยู่ที่ราวๆ 123,000 คนต่อวัน สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภพันธ์ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตค่าเฉลี่ยดีดตัวสู่ระดับ 500 คนต่อวัน ย้อนกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงเดือนพฤษภาคมอีกครั้ง

ระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ที่ผ่านมา ฮาวายเป็นหนึ่งในรัฐที่มีอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิตต่ำที่สุดแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ แต่ช่วงไม่กี่วันมานี้ พวกเขารายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันมากกว่า 600 คน สูงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด

ในช่วงเวลาเลวร้ายสุดของเมื่อปี 2020 ฮาวายมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุด 291 คน ทว่าในการแพร่ระบาดระลอกล่าสุด เจ้าหน้าที่คาดหมายว่าจำนวนผู้ติดเชื้ออาการหนักเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล น่าจะแตะระดับ 300 คนในสัปดาห์นี้

แม้ผู้คนในรัฐแห่งนี้มีความต้องการฉีดวัคซีนกันค่อนข้างมาก แต่มันใช้เวลาถึง 3 สัปดาห์ นานกว่าที่คาดหมายไว้ ในการเพิ่มจำนวนผู้ฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้วจากระดับ 50% เป็น 60% และนับตั้งแต่นั้นระดับเข้ารับการฉีดวัคซีนก็คงที่ ในขณะที่อัตราการฉีดวัคซีนประชากรวัยผู้ใหญ่ทั่วประเทศอยู่ที่ราวๆ 59%

โรงพยาบาลใหญ่ที่สุดบนเกาะบิ๊กไอส์แลนด์ของรัฐฮาวาย กำลังรู้สึกถึงแรงกดดัน โดยจากเตียงคนไข้ที่ใช้งานจริง 128 เตียงของศูนย์การแพทย์. เมดิคอล เซ็นเตอร์ มีผู้ป่วยครองเตียงแล้ว 116 เตียง และเตียงผู้ป่วยหนัก 11 เตียงของโรงพยาบาลเต็มอยู่เกือบตลอดเวลา จากการเปิดเผยของโฆษก

ฮิลตัน เรียเทล ประธานและซีดีโอของสมาคมดูแลสุขภาพแห่งรัฐฮาวาย กล่าวโทษการแพร่ระบาดหนักหน่วงขึ้นไปที่การฟื้นตัวในด้านการท่องเที่ยวของรัฐแห่งนี้ "นักท่องเที่ยวเป็นแหล่งต้นตอหนึ่งของการแพร่เชื้อ แต่พวกเขาไม่ได้เป็นแหล่งต้นตอหลักของการแพร่เชื้อ มีความกังวลมากมายเกี่ยวกับผู้คนจากฮาวายเอง พวกชาวบ้านที่เดินทางไปยังภาคใต้ ไปยังเวกัส ไปยังสถานที่อื่นๆ และพวกเขากลับมาแพร่กระจายเชื้อไวรัส"

ในออริกอน ผู้ว่าการรัฐเคท บราวน์ แถลงเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า เกือบทุกคนจะต้องสวมหน้ากากอีกครั้งยามอยู่ในพื้นที่สาธารณะในร่ม โดยไม่พิจารณาสถานะการฉีดวัคซีนของบุคคลนั้นๆ

เมื่อวันพุธ (11 ส.ค.) ถือเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่รัฐแห่งนี้รายงานมีคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดที่ 665 คน หลังจากเคยพุ่งสู่จุดพีกสุด 622 คน ระหว่างเผชิญการแพร่ระบาดระลอกพฤศจิกายนปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่วัคซีนจะเข้าถึงอย่างกว้างขวาง และเวลานี้เตียงไอซียูทั่วทั้งรัฐมีผู้ป่วยครองเตียงแล้วราวๆ 90%

ที่รัฐฟลอริดา ซึ่งผู้ว่าการรัฐรอน เดอซานติส คัดค้านการบังคับให้ประชาชนสวมหน้ากาก คนไข้ล้นห้องฉุกเฉินบางแห่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้แพทย์ต้องตัดสินใจส่งคนไข้หลายคนกลับบ้านไปพร้อมกับออกซิเจนและอุปกรณ์สังเกตระดับออกซิเจนแบบพกพา เพื่อเปิดทางให้เตียงว่างสำหรับรองรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักกว่า

(ที่มา : เอพี)