จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐได้เพิ่มขึ้นทั้ง 50 รัฐ รวมทั้งในกรุงวอชิงตัน ดีซี ขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตากลายเป็นสายพันธุ์หลักในสหรัฐ
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) แถลงว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้พุ่งขึ้นในสหรัฐ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของ
ไวรัสสายพันธุ์เดลตา โดยขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาคิดเป็น 83% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด สูงกว่าระดับ 50% ที่พบในช่วงวันที่ 27 มิ.ย.-3 ก.ค.
สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 35 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 626,000 ราย
นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลตายังได้ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 48% เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้านี้
องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ระบุว่า ไวรัสสายพันธุ์เดลตาสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 43-90% และขณะนี้มีการแพร่ระบาดไปยังกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ราว 43,700 รายต่อวัน โดยสูงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้านี้ถึง 65% และสูงเกือบ 3 เท่าเมื่อเทียบกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ทั้งนี้ รัฐหลุยเซียนา อาร์คันซอ มิสซูรี ฟลอริดา และเนวาดา เป็นรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยทุกรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 2 เท่า
นอกจากนี้ รัฐในกลุ่มดังกล่าวต่างก็มีอัตราการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ในอัตราต่ำ โดยเฉพาะรัฐหลุยเซียนา ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนเพียง 47% เทียบกับระดับเฉลี่ย 65.9% ในรัฐอื่นๆทั่วสหรัฐ