͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ศบศ.ตีกลับแผนลดภาษีเงินได้ ดึงต่างชาติ 4 กลุ่มลงทุนไทย  (อ่าน 231 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Beer625

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13322
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) วานนี้ (22 ก.ค.) เพื่อติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และพิจารณาแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษก ศบศ.เปิดเผยว่า ศบศ.ได้พิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าไทยตามข้อเสนอทีมปฏิบัติการเชิงรุกทาบทามบริษัทเอกชนไทยและต่างประเทศที่มี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ที่ปรึกษานายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติกลุ่มเป้าหมาย โดยที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปพิจารณาข้อเสนอในรายละเอียดต่อไป

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ทีมปฏิบัติการเชิงรุกการลงทุนเสนอดึงกลุ่มแรงงานศักยภาพสูงและกลุ่มคนต่างชาติที่มีรายได้สูงมาพำนักไทย 1 ล้านคน ในปีนี้ เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศจากคนกลุ่มนี้ 1 ล้านล้านบาท และเกิดการลงทุนในประเทศ 8 แสนล้านบาท ภาครัฐมีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 2.5 แสนล้านบาท โดยมีข้อเสนอ คือ รัฐบาลไทยให้วีซ่าคนกลุ่มนี้ 10 ปี ได้รับอนุญาตทำงานโดยไม่ต้องขอใบอนุญาตทำงาน ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้จากต่างประเทศ คิดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้ในไทยในอัตราคงที่ 17% (จากเดิมเสียภาษีอัตราก้าวหน้าสูงสุด 35%) ได้เจ้าของหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์ระยะยาว รวมที่ดินได้

ทั้งนี้ ศบศ.ยังไม่เห็นชอบและให้ทุกฝ่ายหารืออีกครั้งก่อนเสนอ ศบศ.ครั้งต่อไป

“กระทรวงการคลัง และทีม ม.ล.ชโยทิต คุยกันนอกรอบแล้วก่อนเสนอ ศบศ.แต่สื่อสารผิดพลาดในการประชุมครั้งนี้ ทำให้ยังไม่ได้รับพิจารณา และกลับไปหารือกันอีก รวมทั้งแพคเกจการลงทุนที่เป็นมาตรการภาษีในส่วนอื่นด้วยก่อนเสนอ ศบศ.อีกครั้ง”แหล่งข่าว ระบุ 

รายงานข่าวระบุว่า การประชุม ศบศ.เดือน มิ.ย.2564 มีข้อเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงเข้าสู่ประเทศไทย ได้แก่ 

1.ประชากรที่มีความมั่งคั่งสูง ต้องลงทุนขั้นต่ำ 500,000 ดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาลไทย ลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ ในอสังหาริมทรัพย์ และมีรายได้ขั้นต่ำปีละ 80,000 ดอลลาร์ ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีทรัพย์สินขั้นต่ำ 1 ล้านดอลลาร์ หรือ 30 ล้านบาท มีประกันสุขภาพคุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป

2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ อายุ 50 ปีขึ้นไป มีรายได้จากการเกษียณอายุในต่างประเทศ ลงทุนขั้นต่ำในไทย 250,000 ดอลลาร์ มีรายได้ขั้นต่ำปีละ 40,000-80,000 ดอลลาร์ มีประกันสุขภาพ คุ้มครองค่ารักษา 100,000 ดอลลาร์ขึ้นไป