͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: เทพไท ห่วงคนชนบท เจอฟันค่าจ้างลงทะเบียนเราไม่ทิ้งกัน จี้รัฐเร่งแก้  (อ่าน 439 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Clayton

  • บุคคลทั่วไป
“เทพไท” ห่วงคนชนบทเข้าไม่ถึงออนไลน์-สมาร์ทโฟน ปูดมีฟันค่าหัวคิวลงทะเบียน “เราไม่ทิ้งกัน” รอบละ 500 บาท หากได้รับสิทธิ์ต้องจ่ายเพิ่มอีก 500 บาท จี้รัฐเร่งแก้ เตือน ระวังเกิดปัญหาสังคมซ้ำ

เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2563 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลงทะเบียนโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” โควิด-19 ของรัฐบาล ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่รัฐบาลกำหนดไว้ ตั้งแต่การลงทะเบียนรับการเยียวยาผ่านระบบออนไลน์ในครั้งแรก และเมื่อถูกคัดกรองเป็นผู้ขาดคุณสมบัติก็จะต้องอุทธรณ์ หรือยืนยันสิทธิ์ผ่านระบบออนไลน์อีกเช่นกัน ซึ่งปัญหาของคนส่วนใหญ่ในประเทศที่ยังไม่สามารถเข้าถึงระบบออนไลน์หรือสมาร์ทโฟนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องประชาชนในชนบทที่ยังใช้โทรศัพท์มือถือแบบอนาล็อก การลงทะเบียนโครงการเราไม่ทิ้งกันจึงมีการว่าจ้างลงทะเบียนเกิดขึ้น จ่ายเงิน 500 บาทในการลงทะเบียนครั้งแรก ถ้าหากได้รับการยืนยันสิทธิ์จะต้องจ่ายเพิ่มอีก 500 บาท ทำให้ประชาชนผู้ด้อยโอกาสกลับเสียโอกาสในการรับเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทั้งนี้ การลงทะเบียนออนไลน์ตามเงื่อนไขในปัจจุบัน อาจทำให้ผู้ได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่สามารถรับการเยียวยาทั่วถึงครบถ้วนทุกสาขาอาชีพ จะมีคนจำนวนมากตกหล่น ไม่ได้รับการเยียวยา และจะเกิดปัญหาสังคมตามมา ซึ่งปรากฏเป็นข่าวตามหน้าสื่อต่างๆ เป็นรายวัน เช่น เจตนาพกยาบ้าขึ้นโรงพักยอมให้ตำรวจจับเข้าคุกเพื่อจะได้มีข้าวกินในคุก หรือกรณีการไปขโมยของในร้านสะดวกซื้อเพื่อแลกกับการถูกจับเข้าคุกเพื่อจะมีข้าวกินทุกวัน หรือแม้แต่ครอบครัวที่หาเช้ากินค่ำไม่สามารถทำงานหาเงินซื้อข้าวให้ลูกกินได้ ต้องให้ลูก 3 คน ออกตระเวนขโมยของไปขายเพื่อนำเงินมาประทังชีวิต ต่อจากนี้ไปก็จะมีปัญหาทางสังคมเกิดขึ้นตามมา ทั้งปัญหาอาชญากรรมและการฆ่าตัวตาย

“ถ้าการเยียวยาตามโครงการเราไม่ทิ้งกัน ยังใช้ระบบและเงื่อนไขแบบเดิมอยู่ ก็จะทำให้การเยียวยาไม่ครบถ้วน ไม่เป็นธรรม และไม่ครอบคลุมถึงคนยากคนจนอย่างแท้จริง รัฐบาลจะพบกับปัญหาการเยียวยา การก่อหวอด การประท้วง การโจมตีจากผู้เสียสิทธิ์อย่างกว้างขวาง ในฐานะที่เป็นตัวแทนของประชาชนมีประสบการณ์ตรงในการลงพื้นที่พบกับพี่น้องประชาชนในชนบท ได้รับทราบปัญหาและมีการร้องทุกข์ตามมา จึงจำเป็นต้องออกมาท้วงติงและสะท้อนปัญหาตรงไปตรงมาให้รัฐบาลรับทราบ และขอยืนยันว่า พร้อมสนับสนุนโครงการเราไม่ทิ้งกันของรัฐบาลอย่างเต็มที่ ไม่มีเจตนาขัดขวาง หรือทำให้เป็นประเด็นทางการเมืองแต่อย่างใด การออกมาแสดงความเห็นทุกครั้งล้วนแต่เป็นปัญหาความเดือดร้อนและปัญหาปากท้องของประชาชนทั้งสิ้น ขอให้รัฐบาลได้เตรียมการรับมือกับปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้นตามมาอย่างมากมาย ถ้าหากยังปล่อยให้ประชาชนอยู่ในสภาพอดยาก ไม่มีเงินใช้จ่ายเพื่อประทังชีวิตในแต่ละวัน”.