โรงแรมขนาดใหญ่หรูหราที่สร้างอยู่บนเนินเขา มองเห็นทิวทัศน์แม่น้ำโขง อยู่เขตเมืองปากแบ่ง แขวงไซยะบุรี ของนักลงทุนลาวและไทย เป็นจุดศูนย์กลางจอดเรือ.
ในแต่ละปีประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายและยังเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
“ด่านชายแดนถาวรบ้านฮวก” อ.ภูซาง จ.พะเยา ถือเป็นปากประตู ข้ามด่านปางมอน (เมืองคอบ) แขวงไซยะบุรี สปป.ลาว ในอดีตชาวบ้านสองประเทศใช้เป็นเส้นทางไปมาหาสู่กัน ต่อมา สปป.ลาว ได้กำหนดเป้าหมายเป็นเส้นทางเข้าสู่ “หลวงพระบาง” เมืองมรดกโลก โดยเริ่มโครงการพัฒนาทุกด้าน
นายสุรนาถ ทวีทรัพย์ กก.ผจก.บริษัท พี บี ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ จำกัด ร่วมกับนายก สสทน. จ.เชียงราย ประธานบีสคลับไทย และเครือข่ายท่องเที่ยว เปิดปฐมฤกษ์เส้นทางท่องเที่ยวใหม่ จากด่านบ้านฮวก-ปางมอน.
ปี 2558 สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) ให้การสนับสนุนงบ 1,400 ล้านบาท พัฒนาด่านพรมแดน ปรับปรุงถนน จากด่านสากลปางมอน เมืองคอบ เชื่อมไปยังเมืองเงิน จุดการค้าชายแดนสำคัญติดกับ จ.น่าน ระยะทาง 80 กม.
ต่อมาในปี 2561 ทางการไทยยกระดับจุดผ่อนปรนบ้านฮวก เป็นจุด ผ่านแดนถาวร ทำให้มูลค่าการค้าส่งชายแดนด้านนี้เติบโตสูงขึ้นตามไปด้วย จากนั้นวันที่ 1 ก.พ.63 ทาง สปป.ลาว ได้ยกระดับด่านปางมอนขึ้นเป็นด่าน สากลถาวร ให้ใช้พาสปอร์ตผ่านแดนอย่างเป็นทางการได้ เมื่อวันที่ 1 มี.ค.63
คณะสื่อมวลชนเปิดปฐมฤกษ์ท่องเที่ยวทางน้ำ จากด่านบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา ผ่านด่านสากลปางมอนไปท่าเรือบ้านหาดงาม เมืองคอบ.
เส้นทางด่านพรมแดนบ้านฮวก-ปางมอน นอกจากเป็นเส้นทางการค้าการลงทุนใหม่แล้ว นายสุรนาถ ทวีทรัพย์ กก.ผจก.บริษัท พี บี ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ จำกัด ยังได้เล็งเห็นถึงมิติใหม่ของเส้นทางท่องเที่ยว จึงร่วมกับเจ้าของเรือสำราญ 2 ชั้น นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานบีสคลับประเทศไทย นางนงเยาว์ เนตรประสิทธิ์ นายกสมาคมสหพันธ์การท่องเที่ยวภาคเหนือ (สสทน.) นำสื่อมวลชนร่วมเปิดปฐมฤกษ์เส้นทางการท่องเที่ยวใหม่ขึ้น เมื่อวันก่อน
การเดินทางเริ่มต้นจาก ด่านถาวรบ้านฮวก อ.ภูซาง ผ่านด่านสากลบ้านปางมอน ไปลงเรือสำราญสองชั้น MK.sunset Cruise บรรทุกได้ 90 คน ที่ท่าเรือบ้านหาดงาม เมืองคอบ แขวงไซยะบุรี สปป. ลาว ล่องไปตามแม่น้ำโขง ชมธรรมชาติป่าเขา วิถีชีวิตของพี่น้องชาวลาวที่อาศัย สายน้ำโขงในการดำรงชีวิต
บรรยากาศ 2 ฝั่งแม่น้ำโขง ตลอดเส้นทางมีความเป็นธรรมชาติ บรรยากาศสวยงาม ชมวิถีชีวิตของชาวลาว อาศัยสายน้ำในการดำรงชีพการร่อนทอง.
ตลอดเส้นทางของลำน้ำโขง นักท่องเที่ยวจะได้ พบกับความตื่นตาตื่นใจ ช่วงระดับน้ำลดจะมองเห็น โขดหินเป็นรูปร่างแปลกตาโผล่พ้นเหนือน้ำขึ้นมาเป็นระยะๆ ส่วนบนเรือก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกไว้ครบครัน การเดินทาง ใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง ก็ถึงหลวงพระบาง
เมื่อถึง “หลวงพระบาง” นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส ถึงความสงบสุข บ้านเรือนถูกอนุรักษ์เป็นอัตลักษณ์ไว้ อย่างเหนียวแน่น ยามค่ำคืนมีตลาดชนเผ่า เป็นไนต์มาร์เก็ต มีสินค้าท้องถิ่นให้เลือกซื้อเป็นของฝากหลากหลายชนิด
น้ำตกกว่างสี อยู่ในอุทยานน้ำตกกว่างสี สูง 70 เมตร มีน้ำไหลตลอดปี.
กิจกรรมที่นักท่องเที่ยวขาดไม่ได้คือ จกข้าวเหนียวจากกระติ๊บใส่บาตรพระสงฆ์นับร้อยรูปในตอนเช้าจิบกาแฟ เที่ยวตลาดเช้า ชมพระราชวัง (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ) วังเจ้ามหาชีวิต วัดเชียงทอง และน้ำตกตาดกว่างสี
ขากลับนักท่องเที่ยวจะได้เดินทางด้วยรถยนต์สายใหม่ออกจากหลวงพระบาง ข้ามแพ ขนานยนต์ไปยังบ้านเชียงแมน จากนั้นนั่งรถยนต์ลัดเลาะผ่านแนวป่าเขาไปตามถนนเมืองจอมเพ็ด แวะเยี่ยมหมู่บ้านชาวลาวสูง ชมวิหารอายุ 300 ปี วัดศรีมงคล (ศิลปพุกาม) ที่เมืองหงสา (ชื่อมาจาก กองทัพหงสาของพม่า มาตั้งทัพทำศึกกับอาณาจักรล้านช้างสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช)
ก่อนจะเข้าสู่เมืองเชียงฮ่อน ชมพระธาตุเชียงลม ศิลปะล้านนา อายุ 721 ปี กลับเข้าเมืองคอบ สู่ด่านบ้านฮวกของไทย ระยะทาง 275 กม. ใช้เวลาเดินทาง 6-7 ชั่วโมง
นายสุรนาถ ทวีทรัพย์ กก.ผจก.บริษัท พี บี ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ จำกัด จับมือทำสัญญาร่วมกันทำท่องเที่ยวทางเรือกับ นายบุนชาด อะพิไช นักธุรกิจชาวลาว.
นายสุรนาถ ทวีทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พี บี ทราเวล เอเจนซี่ เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า เส้นทางท่องเที่ยวหลวงพระบาง เมืองมรดกโลก ด้านนี้จะใช้เวลาน้อยกว่าเส้นทาง อ.เชียงของ จ.เชียงราย-ห้วยทราย-หลวงพระบาง ถึง 1 วัน
“ผมได้ทำสัญญาสัมปทานไว้กับท้าวบุนชาด เจ้าของเรือ 10 ปี เจ้าของเรือจะดูแลด้านการเดินทาง ส่วนบริษัทฯดูแลการตลาดทั้งในไทยและ ต่างประเทศ ขากลับมีให้เลือกหลายทาง อาทิ ทางรถยนต์ใช้ถนนสายใหม่ จากหลวงพระบาง-จอมเพ็ด-เมืองเงิน-เชียงฮ่อน-เมืองคอบ-บ้านฮวก หรือจะเลือกไปทางเรือ อ.เชียงของ-ห้วยทราย-หลวงพระบาง หรือไปเรือกลับเครื่องบินก็ได้”
จุดสลับเลน เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบถ่ายรูปเป็นที่ระลึก อยู่ระหว่างด่านบ้านฮวก อ.ภูซาง จ.พะเยา กับด่านสากลปางมอน เมืองคอบ สปป.ลาว โดยรถทุกคันต้องเปลี่ยนเลนวิ่ง แสดงให้รู้ว่ากำลัง เข้าสู่พื้นที่ สปป.ลาว.
บริษัทฯจัดการท่องเที่ยวตามเส้นทางใหม่นี้ เดือนละ 4 เที่ยว นักท่องเที่ยวไทยจะใช้บอเดอร์พาส หรือพาสปอร์ตก็ได้ ผู้สนใจตรวจสอบข้อมูลได้ทาง
https://pbtravelagency.com/ หรือโทร.สอบถามได้ที่ 0-5371-2884
ด้าน นายพัฒนา สิทธิสมบัติ ประธานบีสคลับประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดเส้นทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวบ้านฮวก-เมืองคอบ เป็นความร่วมมือของไทย-ลาว
สามารถเชื่อมโยงไปยังเส้นทางอื่นๆได้ เช่น ถนนเส้นทาง R3B หากสะพานข้ามแม่น้ำโขง ที่บ้านปากแบ่ง สร้างเสร็จก็จะเชื่อมไปถึงเมืองคอบ จะเป็นเส้นทางสำคัญเส้นหนึ่งจาก จ.เชียงราย-ห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว-ไซยะบุรี-เมืองคอบ-หลวงพระบาง และเส้นทางที่สอง จ.เชียงใหม่-พะเยา บ้านฮวก-เมืองคอบ-หลวงพระบาง เชื่อว่า ชาวต่างชาติจะใช้เส้นทางนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ภายในเรือสำราญ 2 ชั้น MK.sunset Cruise ล่องแม่น้ำโขง มีบริการ
ສຸກະພາບ & ຄວາມງາມนวดสปาด้วย.
ส่วนเส้นทางที่สามคือเมืองคอบ-หลวงพระบาง-เดียนเบียนฟูของเวียดนาม-เมืองสิบสองปันนาของจีน จะเป็นทางเลือกของนักท่องเที่ยวเช่นกัน โดยตลอดเส้นทางจะเกิดการค้า การท่องเที่ยวได้ทั้งปี
ตรงกับเป้าหมายของเครือข่ายธุรกิจบีสคลับประเทศไทย ที่จะเชื่อมโยงจังหวัดต่างๆ นำเป้าหมายนี้สู่เส้นทางการค้า การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน.
วีระชัย ปทุมชัย รายงาน