ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “โควิด-19” ลุกลามรวดเร็วในอิตาลีเหมือนไฟลามทุ่งทำให้รัฐบาลต้องประกาศคุมพื้นที่ 10 กว่าเมืองใน 2 แคว้นทางตอนเหนือที่เป็นจุดศูนย์กลางการแพร่ระบาดในประเทศ จนสุดท้ายเมื่อยอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว อิตาลีต้องประกาศปิดทั้งประเทศ และขอความช่วยเหลือไปยังประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ที่อิตาลีก็เป็นสมาชิกอยู่เช่นกัน โดยเป็นการขอผ่านศูนย์ประสานการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินของอียู จากนั้นคณะกรรมาธิการยุโรปก็ส่งผ่านการร้องขอนั้นไปยังประเทศสมาชิกรายอื่นๆนายจูเซปเป คอนเต ผู้นำอิตาลีขอความช่วยเหลือด้านเวชภัณฑ์ตรวจและป้องกันไวรัสไปยังอียูตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ
นายจูเซปเป คอนเต ผู้นำอิตาลีขอความช่วยเหลือด้านเวชภัณฑ์ตรวจและป้องกันไวรัสไปยังอียูตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แต่ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆ
แต่เป็นที่น่าผิดหวังที่เสียงร้องขอของอิตาลีไม่มีประเทศไหนในอียูขานรับ กระทั่งสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 มี.ค.) ก็ยังไม่มีประเทศสมาชิกอียูรายใดที่ตอบรับคำขอเครื่องเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นสำหรับการรับมือกับไวรัสโควิด-19 ของรัฐบาลอิตาลี ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องเก็บอุปกรณ์การแพทย์รวมทั้งหน้ากากอนามัยเอาไว้สำหรับสู้ไวรัสดังกล่าวในประเทศของตัวเอง สถิติถึงวันที่ 14 มี.ค.ที่ผ่านมา อิตาลีมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วประเทศ 21,157 คน และยอดผู้เสียชีวิต 1,441 คน หากไม่รวมประเทศจีนที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดแล้ว อิตาลีนับเป็นประเทศที่กำลังเผชิญภาวะวิกฤติมากที่สุดท่ามกลางภาวะขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่าง
อย่างไรก็ตาม เหมือนอัศวินม้าขาวมาช่วยในยามที่ความหวังริบหรี่ที่สุด ใกล้เที่ยงคืนของวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เครื่องบินของสายการบินจีน
健康ได้นำคณะแพทย์และผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนจำนวน 9 คนมาถึงกรุงโรม พร้อมด้วยยาต้านไวรัส อุปกรณ์ป้องกันทางการแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ และอุปกรณ์สำหรับการบำบัดรักษาผู้ป่วยขั้นวิกฤติ น้ำหนักรวม 31 ตัน และวันเดียวกันนั้นรถบรรทุกจากจีนที่นำอุปกรณ์เวชภัณฑ์มากกว่า 230 กล่องก็มาถึงอิตาลีด้วยเช่นกัน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียง 2 วันหลังจากที่นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน โทรศัพท์คุยกับนายลุยจิ ดี ไมโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอิตาลี
นายฟรานเซสโก ร็อคคา ประธานสภากาชาดอิตาลี เปิดเผยความรู้สึกว่า ในช่วงเวลาที่ตึงเครียดอย่างที่สุดและเต็มไปด้วยความยากลำบาก ความรู้สึกนั้นคลี่คลายลงทันทีเมื่ออุปกรณ์การแพทย์และเครื่องเวชภัณฑ์มาถึง แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะช่วยได้เพียงชั่วคราว แต่ก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง “ในตอนนี้เรามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใช้หน้ากากทางการแพทย์เหล่านี้ เราจำเป็นต้องได้เครื่องช่วยหายใจเหล่านี้มาบริจาคให้รัฐบาล นี่คือการบริจาคที่สำคัญอย่างที่สุดให้แก่ประเทศชาติของเรา” ประธานสภากาชาดอิตาลีกล่าว
นอกเหนือจากความช่วยเหลือในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลแล้ว เอกชน
健康食品ของจีนก็มีความเคลื่อนไหวเช่นกัน โดยรายงานข่าวระบุว่า นายแจ๊ค หม่า ผู้ก่อตั้งอาลีบาบา กรุ๊ป และเป็นมหาเศรษฐีชั้นแนวหน้าของโลก ได้เสนอบริจาคชุดอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อโควิด-19 และหน้ากากอนามัย 2 ล้านชิ้นให้แก่ประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักในยุโรปเช่น สเปนและอิตาลี โดยชุดอุปกรณ์ตรวจหาเชื้อไวรัส เวชภัณฑ์ และหน้ากากอนามัย 500,000 ชิ้นแรกสำหรับประเทศอิตาลี ถูกลำเลียงมาถึงประเทศเบลเยี่ยมซึ่งเปรียบเสมือนนครหลวงของอียูแล้วเมื่อค่ำวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 มี.ค.) นอกจากนี้ เขายังระบุว่า จะมอบชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 500,000 ชุดและหน้ากากอนามัย 1 ล้านชิ้นให้แก่สหรัฐอเมริกาอีกด้วย ก่อนหน้านี้ เขาได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการบริจาคในลักษณะเดียวกันนี้แก่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และอิหร่าน “ จากประสบการณ์ของประเทศจีน สิ่งที่จะสามารถป้องกันการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดก็คือ การตรวจหาเชื้อที่รวดเร็วและให้ผลแม่นยำ รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันที่มีอย่างเพียงพอสำหรับบุคลากรทางการแพทย์” แจ๊ค หม่า ฝากข้อคิดทิ้งท้ายว่า การที่โรคระบาดใหญ่แพร่กระจายไปทั่วโลกอย่างที่เรากำลังประสบกันอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่ปัญหาที่ประเทศหนึ่งประเทศใดจะแก้ไขได้ด้วยตัวเอง และมนุษย์คงไม่สามารถเอาชนะไวรัสร้ายนี้ได้หากไม่ทลายกำแพงระหว่างประเทศที่ขวางกั้นการแบ่งปันทรัพยากร มนุษย์จะเอาชนะวิกฤติครั้งนี้ได้ก็ด้วยการแบ่งปันความรู้ความชำนาญ และแบ่งปันบทเรียนที่แลกมาด้วยความยากลำบาก