อย่างแรกที่
Songbird โควิด-23 เชื้อไวรัสล้างโลก ยั่วยวนใจพวกเรามากมายๆตั้งแต่แบบอย่าง เป็นบิ๊กไอเดียของเรื่องที่เลือกจับเหตุการณ์โควิด-19 ต่อยอดด้วยการปัญหากล้วยๆว่า ‘จะกำเนิดอะไรขึ้น แม้โควิด-19 เริ่มกลายพันธุ์เป็นโควิด-23 จนกระทั่งทำให้ผู้คนทั้งโลกจำเป็นต้องล็อกดาวน์หลายปี’
และก็อย่างลำดับที่สองเป็นชื่อของ ไมเคิล เบย์ ผู้กำกับที่พวกเราคุ้นตาตากันดีจากแฟรนไชส์ Transformers, Bad Boys II (2003) รวมทั้ง 13 Hours (2016) ที่มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ในคราวนี้ โดยได้ อดัม เมสัน ผู้กำกับสายตื่นเต้นจาก The Devil’s Chair (2007) มารับหน้าที่ควบคุม
ด้วยเหตุผลทั้งคู่ประการ พวกเราก็เลยค่อนข้างจะพอใจพอเหมาะพอควรว่า
Songbird จะแปลความหมายโลกของพวกเราในอีก 3-4 ปีต่อไปที่อยู่ท่ามกลางการแพร่ระบาดของโควิด-23 ออกมาคืออะไรSongbird บอกเล่าเรื่องราวในโลกอนาคตปี 2024 เมื่อโควิด-23 ที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลกเริ่มกลายพันธุ์ รวมทั้งเอาชีวิตผู้คนไปๆมาๆกกว่า 110 ล้านคน ทำให้ทุกพื้นที่จะต้องอยู่ในภาวการณ์ล็อกดาวน์ เหล่าประชากรก็เลยมิได้รับอนุญาตให้ออกจากตึกบ้านพัก ถ้าเกิดผู้ใดฝืนจะถูกรัฐบาลใช้มาตรการร้ายแรงกำจัด
จนตราบเท่าวันหนึ่ง นิโก (เคเจ อาขว้าง) ผู้ชายผู้มีภูมิต้านทานโรครู้ข่าวสารว่า ซาร่าห์ (โซเฟีย คาร์สัน) แฟนสาวของเขากำลังถูกรัฐบาลสงสัยว่าติดเชื้อโรคเชื้อไวรัส และก็กำลังมาจับคุณ นิโกก็เลยจะต้องรีบออกตามหาซาร่าห์เพื่อช่วยเหลือคุณ ท่ามกลางเหตุการณ์สุดจลาจลอย่างแรกที่พวกเราถูกใจมากมายๆเป็นการผลิตสรรค์ส่วนประกอบต่างๆของโลกที่ถูกล็อกดาวน์ออกมาได้น่าดึงดูด ไล่เรียงตั้งแต่นักแสดงหลักของเรื่องอย่าง นิโก สมัยก่อนผู้ช่วยทนายความชายหนุ่มที่ไม่มีงานทำภายหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-23 แม้กระนั้นเนื่องด้วยเขาเป็นเลิศในผู้ที่มีภูมิต้านทาน เขาก็เลยผันตัวมาทำอาชีพคนส่งของตามบ้าน
หรือจะเป็นความครัดเคร่งของรัฐบาลที่ออกข้อบัญญัติให้ราษฎรทุกคนห้ามออกมาจากบ้าน และก็จำเป็นต้องวัดอุณหภูมิในทุกยามเช้า แม้คนไหนกันแน่มีการเสี่ยงจะถูกข้าราชการเขตสุขาภิบาลนำตัวไปที่สถานกักกัน หรือ Q-Zone
รวมทั้งความเชื่อมโยงของสองนักแสดงหลักอย่างนิโกแล้วก็ซาร่า ที่ทำเป็นเพียงแค่วิดีโอคอลหากัน แม้ว่าเขารวมทั้งคุณอยู่ห่างกันเพียงแค่ประตูกันแค่นั้น ซึ่งถือได้ว่าเป็นการวางความข้องเกี่ยวของผู้แสดงหลักที่น่าดึงดูด รวมทั้งเชิญชวนติดตามไม่แพ้กัน
การผลิตสรรค์ส่วนประกอบของเรื่องที่ผสมความไซไฟ รวมทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในขณะนี้ลงไปในหนัง ก็เลยทำให้ผู้ชมสามารถรู้เรื่องภาพรวมของเรื่อง รวมทั้งอินไปกับเหตุการณ์ที่ทุกนักแสดงข้างในเรื่องกำลังพบเจอได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ดี หากว่าส่วนประกอบของหนังจะน่าดึงดูดแล้วก็ชักชวนติดตามเยอะแค่ไหน แม้กระนั้นจุดอ่อนใหญ่ของ Songbird เป็นการจับส่วนประกอบพวกนั้นมาร้อยเรียงเกิดเรื่องราวได้ไม่ค่อยครึกครื้นเท่าไรนัก
เริ่มด้วยจุดที่พวกเรารังเกียจเป็นการส่วนตัว เป็นถ่ายทำด้วยวิธี Handheld (การถือกล้องถ่ายรูปถ่ายทำด้วยมือ) ที่ทำให้ภาพเคลื่อนไหวเกือบจะตลอดระยะเวลา ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหนังแนวแอ็กชัน-ตื่นเต้นที่อยากได้ถ่ายทอดให้ผู้ชมรู้สึกตื่นเต้นไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ว่าด้วยมุมกล้องถ่ายภาพและก็การตัดต่อที่รวดเร็วทันใจจนถึงเหลือเกิน ก็เลยทำให้พวกเรารู้สึกงวยงงในหลายๆฉากอยู่พอเหมาะพอควร
และก็เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นหนังแนวไซไฟ-ตื่นเต้น การผลิตสรรค์เหตุการณ์วิกฤตที่นักแสดงจำเป็นต้องพบเจอก็เลยเป็นหัวใจหลัก ที่จะทำให้ผู้ชมลุ้นระทึกแล้วก็ต้องการเอาใจช่วยนักแสดงข้างในเรื่อง แต่ว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินที่ถูกวางเอาไว้ กลับถูกคลีคลายอย่างเร็วแล้วก็ง่ายมาก กระทั่งไม่สามารถที่จะเชื้อเชิญให้พวกเราต้องการเอาใจช่วยผู้แสดงในเรื่องได้อย่างที่ต้องเป็น
โดยภาพรวมแล้ว พวกเราก็เลยออกจะรู้สึก ‘เสียดาย’ ส่วนประกอบหลายๆอย่างของเรื่อง รวมทั้งความเชื่อมโยงของผู้แสดงที่ถูกทำสรรค์ออกมาได้น่าดึงดูดอยู่พอเหมาะพอควร ซึ่งถ้าหากผู้กำกับรวมทั้งคณะทำงานนำส่วนประกอบกลุ่มนี้มาขยี้ให้ตรงจุด สร้างสถานการณ์ฉุกเฉินให้ลุ้นระทึกกว่านี้ พวกเรารู้สึกว่า Songbird โควิด-23 เชื้อไวรัสล้างโลก จะเป็นหนังไซไฟ-ระทึกวัญอีกเรื่องหนึ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้ชมได้อย่างดีเยี่ยม
Songbird โควิด-23 เชื้อไวรัสล้างโลกhttps://www.youtube.com/watch?v=sKFPgd4j5k8&featureดูหนังโควิด 23 ไวรัสล้างโลก