͸Ժ

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - dspacehome

หน้า: [1]
1
ผลสำรวจพบว่า มีชาวต่างชาติติดต่อเช่าคอนโดอ่อนนุชห้องชุดจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่ม Expat รวมแล้วมาอาศัยในย่านนี้เกือบ 70% ต่างจากเมื่อก่อนที่มีชาวต่างชาติมาเช่าเพียง 56% เท่านั้น ซึ่งตัวเลขที่เติบโตนี้ ถือเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างยิ่งภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี

คอนโดอ่อนนุช มีอะไรดี?

1.เดินทางสะดวก – โครงการคอนโดของเว็บ http://www.unitecondo.com/The_Und_Unite_Und_คอนโดอ่อนนุช-พัฒนาการ:!condo-onnut-phatthanakan เป็นทำเลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสุขุมวิทตอนต้น จึงเดินทางได้หลากหลายแบบ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ผ่านตลอดเส้นทางเลยไปจนถึงสมุทรปราการ ที่ใช้เวลาเพียง 15 นาที ก็เดินทางจากอ่อนนุชไปแถวสยาม เพลินจิต ชิดลมได้อย่างง่ายดาย

2.คอนโดอ่อนนุชมีสภาพแวดล้อมที่ครบถ้วน – ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร และสถานที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีความตัวเป็นอย่างมาก โดยไม่ต้องเดินทางเข้าเมืองหรือไปไหนไกล ถือเป็นปัจจัยสำคัญดึงดูดดีมานด์ให้เข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มชาวต่างชาติที่นิยมอยู่อาศัยในย่านนี้ ก็มีทั้ง ญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ยุโรป และอเมริกา ส่วนในทำเลสุขุมวิทตอนต้นมีชาวญี่ปุ่นมากที่สุด

3.มีราคาเป็นมิตร – เนื่องจากราคาค่าเช่าไม่แพงเกินไป ประกอบกับกลุ่มผู้เช่าไม่ได้ซีเรียจเรื่องที่ตั้ง ว่าต้องอยู่ใจกลางเมืองเท่านั้น แต่ขอแค่เดินทางสะดวกรวดเร็วก็สามารถเข้าใจกลางเมืองได้พอ ด้วยความนิยมของชาวต่างชาติ จึงเป็นที่มาของโรงเรียนนานาชาติหลายแห่ง เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ สำหรับชาวต่างชาติที่อยากให้ลูกหลานเรียนในประเทศไทย

4.ปล่อยเช่าง่าย -โดยเฉพาะราคาเช่าของคอนโดอ่อนนุช เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ 450-600 บาทต่อตารางเมตร หรือประมาณ 13,000 – 35,000 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าไม่แพงมากนักในคอนโดระดับกลาง ๆ แต่ถากเป็นคอนโดระดับสูงกว่านี้ จะมีราคาเช่าเริ่มต้นอยู่ที่ 20,000 บาทขึ้นไป โดยเฉพาะราคาเช่าของคอนโดย่านอ่อนนุชที่รับเฉลี่ยต่อปีที่ 5-7% ซึ่งจัดว่าเป็นอัตราค่าเช่าที่สูงกว่าคอนโดนบางแห่งในกรุงเทพฯ (เช่นทำเลรัชดาและพหลโยธิน)

2
   มีคนเปรียบเปรยว่า “เอาค่าจ้างสถาปนิกไปซื้อผ้านม่านมาคลุมบ้านได้ทั้งหลัง..” เชื่อได้เลยว่าเมื่อชาวสถาปนิกมาเห็นข้อความนี้คงต้องเจ็บปวดใจอย่างแน่นอน จึงต้องอธิบายให้ฟังว่าการจ้างสถาปนิกสำหรับสร้างบ้านช่วยให้งานก่อสร้างของทุกคนไปถึงฝั่งฝันได้อย่างไรบ้าง

หากอยากมีบ้านสักหลังก็ต้องหาผู้รับเหมาสำหรับรับสร้างบ้าน ซึ่งจะมีทางเลือกอยู่หลายทาง เช่น

1. ขอแบบจากเขตเทศบาล จากนั้นหาผู้รับเหมามาสร้างให้

2. ใช้บริการจากบริษัทรับสร้างบ้าน เช่นเว็บ https://www.leearchitect.co.th/รับสร้างบ้าน.html และตามสื่อออนไลน์ต่าง ๆ

3. จ้างสถาปนิกมาออกแบบ และหาผู้รับเหมามาสร้างให้

การจ้างสถาปนิกมีค่าบริการต่างกันตามประเภทและความยากง่าย แต่ส่วนใหญ่แล้วจะรับสร้างที่อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยคิดค่าออกแบบอยู่ที่ 7.5% ในจำนวนสิบล้านแรก ( แสดงให้เห็นว่าบ้านมีราคาสิบล้านบาท คิดเป็นค่าจ้างสถาปนิกที่ 7.5 แสนบาท ) ฟังดูแพง แต่เงิน 7.5 แสน ต้องแบ่งให้วิศวกรอีก 30% แบ่งให้ผู้ร่วมงานคืนอื่น และยังมีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อีก จึงเหลือกำไรจริงไม่เท่าไหร่ แล้วเงินค่าจ้าง 7.5 แสนทำอะไรได้บ้างละ?

1.จ้างสถาปนิกรับสร้างบ้าน ทำให้ได้บ้านที่เหมาะสมกับเจ้าชอง - รับสร้างบ้านก็เหมือนกับเสื้อผ้าสั่งตัด เพราะรสนิยม พฤติกรรมของคนใช้พื้นที่ย่อมต่างกัน งานออกแบบจึงตอบสนองความต้องการอยู่อาศัยอย่างสูงสุด

2.ทำให้ค่าก่อสร้างส่วนต่าง ๆ ถูกลงได้ - จรรยาบรรณของสถาปนิกกล่าวว่า “ ห้ามรับเหมางานก่อสร้างที่ตนเองเป็นผู้ออกแบบ” เป็นเพราะราคาก่อสร้างนั้นเป็นราคาที่ผู้ออกแบบและรับเหมาก่อสร้างตั้งขึ้นเอง ไม่มีคนเทียบราคาให้ ดังนั้นแทนที่ราคาก่อสร้างจะอยู่ที่ 14000 บาทต่อ ตร.ม. อาจกลายเป็น 18000 บาทต่อตร.ม ส่วนต่าง 4,000 บาท หากสร้างบ้านในพื้นที่ 500 ตร.ม. ส่วนต่างอาจสูงถึง 2,000,000 บาท แพงกว่าจ้างสถาปนิกถึง 3 เท่าตัว การจ้างสถาปนิกสามารถขจัดความไม่โปร่งใสส่วนนี้ได้

3
ขั้นตอนการซื้อ-ขายฝากที่ดินไม่ได้ยากอะไรเลย มือใหม่ก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะการดำเนินการผ่านธนาคาร หรือสินเชื่อทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะยิ่งง่ายกว่าเดิมเพราะไม่ต้องคอยระวังกลโกงอะไรเลย ส่วนการดำเนินการนอกเหนือนจากนี้ ก็ต้องรู้วิธีรับมือไว้ด้วยก่อนที่ดินจะหลุดลอยไป

ก่อนซื้อ หรือขายฝากที่ดิน ห้ามทำสัญญากู้ยืมเงินเอง

เหตุผลที่ห้ามไม่ให้ผู้ซื้อ หรือขายฝากที่ดินทำสัญญากู้ยืมเงินเอง เพราะอาจเจอโฉนดปลอมได้ หรืออาจได้โฉนดที่ถูกหลอกลวงมาอีกที วิธีป้องกันคือนำโฉนดไปให้สำนักงานที่ดินตรวจสอบก่อน เมื่อมั่นใจดีแล้วก็ดำเนินการขอจดทะเบียนรับจำนอง หรือรับซื้อฝากต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทันที

ต่อมาคือการเซ็นชื่อลงในหนังสือมอบอำนาจซื้อ-ขายฝากที่ดิน ในส่วนนี้ก็ห้ามเซ็นเองเด็ดขาด ส่วนบุคคลที่รับมอบอำนาจมาต้องสามารถไว้วางไว้ใจได้ด้วย ทั้งนี้ การมอบอำนาจต้องระบุเอาไว้ให้ชัดเจนด้วย พร้อมกับลงรายละเอียดให้เรียบร้อย ก่อนตัดสินใจมอบอำนาจให้ใครไป

ตรวจสอบที่ดินด้วยตัวเองก่อนซื้อ-ขายฝากที่ดินเสมอ

เพื่อให้ทราบได้ว่าที่ดินตั้งอยู่ที่ไหน มีสภาพยังไง ราคาซื้อ-ขายฝากที่ดินมีความสมเหตุสมผลแค่ไหน จากนั้นก็ไปดำเนินการตรวจสอบกับสำนักงานที่ดินอีกที  ทั้งนี้ ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบที่สุดก็ควรทำการรังวัดที่ดินให้เรียบร้อยเสียก่อน

หลังจากตรวจสอบด้วยตนเองเสร็จแล้ว ก็ให้ผู้ซื้อ-ขายฝากที่ดินสละเวลาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเดินทางมาตรวจดูที่ดิน ถึงแม้จะไม่มีการทำธุรกรรมอะไรแล้วก็ตาม แต่ก็ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ เพราะถ้าโชคร้ายที่ดินก็อาจถูกบุกรุกได้

สำหรับในกรณีที่เป็นเจ้าของที่ดินไม่ว่าเกิดเหตุอะไรก็ตาม เมื่อไม่ได้รับเงินค่าที่ดินครบเต็มจำนวน ห้ามโอนที่ดินให้อย่างเด็ดขาด แต่ก็มีกรณียกเว้น ถ้าคนนั้นมีหลักประกันที่สมบูรณ์ก่อนการโอน ตัวอย่างเช่นผู้ซื้อได้มอบหนังสือทำสัญญาใช้เงิน โดยมีธนาคารเป็นผู้รู้เห็น จึงสามารถดำเนินโอนให้ผู้ซื้อได้ไม่ติดปัญหา

เก็บโฉนดการซื้อ-ขายฝากที่ดินไว้ให้ดี

ควรระวังไม่ให้โฉนดการซื้อ-ขายฝากที่ดินสูญหาย ทั้งนี้ ถ้าโฉนดที่ดินหรือ น.ส.3 เกิดสูญหายขึ้นมา ต้องติดต่อแจ้งความทันที พร้อมกับขอให้เจ้าพนักงานที่ดินออกใบแทนให้ใหม่ด้วย เสร็จแล้ว ก็เก็บรักษาไว้ให้ดีระวังอย่าให้สูญหายอีก

สุดท้ายแล้ว ก็อย่าหลงเชื่อเซ็นยินยอมมอบโฉนดให้ผู้อื่น แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องทำจริง ๆ ก็ควรมอบให้เฉพาะบุคคลที่สามารถไว้วางใจได้จริงเท่านั้น ถ้าแต่ยังไม่มั่นใจอีกก็หลีกเลี่ยงการมอบบัตรประชาชนไปพร้อมกับโฉนดที่ดิน เพียงเท่านี้ก็สบายใจได้.

หน้า: [1]