͸Ժ

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - iammu

หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12
136


ปัญหาดาดฟ้ารั่วคงต้องเลือกซื้อวัสดุกันซึมมาใช้งาน ซึ่งหากลองค้นหาข้อมูลจะพบว่ามีให้เลือกเยอะ อาทิเช่น โพลียูริเทน และหนึ่งในนั้นคืออะคริลิค ที่ได้รับการันตีว่าดีจริง แต่ถึงอย่างไรอย่าเพิ่ง่รีบมั่นใจเชื่อโดยทันที จึงขอรวบรวมข้อมูลมาให้ศึกษาอย่างเต็มที่ ไขข้อสงสัยอยากมีระบบกันซึมดาดฟ้าเต็มประสิทธิภาพ ควรเลือกใช้จริงหรือ?
อะคริลิคช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับดาดฟ้าได้ดี
ต้องบอกเลยว่าสิ่งนี้เป็นน้ำยากันซึมที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง ปกป้องการแตกร้าวของตัวดาดฟ้าได้ดี แต่ต้องมีการใช้งานร่วมกับเส้นใยอย่าง Fiberglass ที่ถูกถักทอเป็นเส้นใยแก้วเชื่อมไขว้กันแน่นหนา และ Polyester Mat ที่เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมี ช่วยให้ทนความร้อนและมีความเหนียวคงทน เมื่อนำเส้นใยทั้ง 2 ชนิดที่อยู่ในน้ำยากันซึมแล้วใช้ทาเคลือบดาดฟ้า ก็จะได้รับการปกป้องอย่างดี ไม่มีเกิดรอยแตกให้เห็น
อย่างไรแล้วให้โพลียูรีเทรนช่วยอีกแรงได้นะ
อย่างที่บอกว่ามีให้เลือกเป็นตัวนี้ด้วย ดังนั้นอาจเลือกเพิ่มประสิทธิภาพอีกแรงได้ โดยโพลียูรีเทรน หรือกันซึมพียู สามารถใช้เคลือบคอนกรีตโดยเฉพาะอย่างยิ่งดาดฟ้าได้ดีเยี่ยม ไม่ทำให้ผิวคอนกรีตถูกน้ำไหลรั่วซึม พร้อมมีความยืดหยุ่นอยู่ที่ 300 - 500% ยอมรับว่าความยืดหยุ่นเยอะมาก ๆ เจอแดดแรงมากแค่ไหน หรือโครงสร้างอาคารจะสั่นสะเทือนยังไง ก็ไม่เป็นผล เนื่องด้วยสิ่งนี้จะช่วยยึดการขยายตัว ปกปิดรอยร้าวได้ดีเหมือนใหม่ ที่สำคัญไม่ว่าจะเจอน้ำท่วมขังสูงมากเท่าใดก็สบาย ๆ หรือขังนาน 10 วันก็ไม่หวั่น เพราะว่าจะช่วยรองรับน้ำฝน พร้อมป้องกันผิวดาดฟ้าปราศจากน้ำไหลรั่วซึม
แนะนำวิธีการทากันซึมให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด
- เริ่มต้นสำรวจบริเวณดาดฟ้าที่เกิดปัญหารั่วซึม เป็นแอ่ง หรือมีรอยแตกร้าวตรงไหนบ้าง
- ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาล้างทำความสะอาดดาดฟ้า
- อุดโป๊วบริเวณที่มีปัญหาแตกร้าว ซึ่งให้ขยายร่องรอยร้าวให้กว้าง 2 - 3 มิลลิเมตร 
- ทำการทาสีรองพื้นโดยเลือกสีรองพื้นปูนเก่าเอามาทาผิวดาดฟ้าให้ชุ่ม 1 ครั้ง แล้วทิ้งให้แห้งราว 2 - 3 ชั่วโมง
- ขี้นตอนสุดท้ายให้ทาน้ำยากันซึมของพวกเราลงไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทุกท่านสามารถเลือกซื้ออะคริลิคได้ผ่านออนไลน์แล้ว ซึ่งหากมองมุมบวกนี่เป็นเรื่องที่ดีเหตุเพราะสะดวกสบาย ไม่ต้องออกไปไหน รอของส่งถึงหน้าบ้าน ฯลฯ กระนั้นก็ควรเลือกร้านมีมาตรฐาน คุณภาพดี น่าเชื่อถือที่สุด ระบุรายละเอียดต่าง ๆ ได้ครบถ้วน สามารถเปรียบเทียบตัดสินใจซื้ออย่างเหมาะสม การันตีได้ดาดฟ้าเหมือนใหม่ ไม่มีรั่วซึมให้กวนใจอีกต่อไป
เข้าดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/CON0305

137


ด้วยคนยุคใหม่ต้องใช้เวลาอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊กเพื่อทำงานก็ดี หรือเล่นเกมก็ดี เก้าอี้นั่งจึงเป็นสิ่งสำคัญสุด ๆ เพราะบ่งบอกได้ถึงความสบายตลอดเวลาที่ใช้งาน ไม่ต้องพบปัญหาสุขภาพ แต่สิ่งที่ทำให้หลายท่านสงสัยคือปัจจุบันมีเก้าอี้เกมมิ่งเป็นอีกทางเลือกที่สามารถใช้นั่งทำงานได้ด้วย จริงๆมันแตกต่างกับเก้าอี้สำนักงานอย่างไร? ใครอยากทราบไปติดตามเลยดีกว่า
ความแตกต่างระหว่างเก้าอี้เกมมิ่ง VS เก้าอี้สำนักงาน 
1. สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับเก้าอี้เกมเมอร์
- สำหรับเก้าอี้เล่นเกม หรือเก้าอี้เกมเมอร์ <https://www.homepro.co.th/c/FUR1402>มีการดีไซน์มาเพื่อให้เหล่าเกมเมอร์ได้ใช้กันโดยเฉพาะ ลักษณะของเก้าอี้ที่แตกต่างออกไป
- มีฟังก์ชันให้เลือกหลายระดับ สามารถปรับให้เข้ากับผู้นั่งได้อย่างดีที่สุด
- ระหว่างนั่งใช้งานเก้าอี้เล่นเกม หรือนั่งทำงานก็ตามช่วยสร้างความสะดวกสบาย ไม่ทำให้เมื่อยล้า อึดอัดตัว
- ตัวเก้าอี้จะใช้เป็นหนัง PU ซึ่งเป็นวัสดุที่หนา แข็งแรง ทนทานกว่าเก้าอี้อื่น ๆ พร้อมป้องกันรอยเปื้อนต่าง ๆ ระหว่างใช้งาน
- นอกจากนี้หนัง PU ยังลดกลิ่นที่เกิดจากอาหาร หรือกลิ่นเหงื่อที่นั่งเป็นเวลานาน ที่สำคัญทำความสะอาดสะดวกมาก
- พนักพิงสามารถปรับเอนในองศาที่เหมาะได้ตามต้องการ ทั้งนี้ บางรุ่นปรับได้ถึงขั้นนอนเล่นเลยทีเดียว
- หรือใครอยากจะปรับช่วงแขน - ขาก็สามารถทำได้เช่นกัน อย่างที่บอกสร้างความสะดวกสบายต่อการนั่งเวลานานอย่างมาก
2. สิ่งที่ต้องทราบเกี่ยวกับเก้าอี้สำนักงาน
- เป็นเก้าอี้ที่ออกแบบมาเพื่อให้นั่งทำงาน สร้างความสะดวกสบายต่อผู้นั่ง ให้การทำงานออกมาในทิศทางที่ดี
- ปกติแล้วบริเวณพนักพิงจะโค้งรับกับแผ่นหลัง ป้องกันปัญหาปวดหลัง 
- บริเวณด้านบนพนักพิงจะเป็นมีฟองน้ำหนา หรือลักษณะคล้ายหมอนมาหนุนพอดีกับช่วงคอผู้ใช้งาน ลดอาการปวดคอ
- แต่บางรุ่นพนักพิงสั้น และช่วงฟองน้ำหนุนคอไม่มี ก็ทำให้อาการปวดกำเริบได้
- ส่วนมากออกแบบมาให้สามารถเลื่อนเก้าอี้ไปไหนมาไหนด้วยล้อแบบสบาย ๆ พร้อมมีที่เท้าแขนให้ได้วางขณะพิมพ์งานได้ด้วย
- บางรุ่นสามารถปรับระดับความสูงหรือต่ำของเก้าอี้ได้ ช่วยให้เข้ากับสรีระผู้ใช้งานมากขึ้น
จะเห็นได้ว่าทั้งเก้าอี้เกมมิ่ง และเก้าอี้สำนักงานมีความแตกต่างกันอยู่ ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วจึงต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด ตอบสนองระหว่างใช้งาน โดยการเปรียบเทียบฟังก์ชันการใช้งานอย่างครบถ้วน ท่านไหนที่ใช้เวลานาน ๆ ในการนั่งจะมีความสุขอย่างสมบูรณ์มากที่สุด ไม่เกิดปัญหาออฟฟิศซินโดรม ไม่ปวดหลัง ปวดคอตามมา ซึ่งหากท่านใดอยากนำข้อมูลดี ๆ นี้ไปฝากคนอื่นสามารถเผยแพร่ได้ตามต้องการ เพื่อสุขภาพการนั่งที่ดีในอนาคต
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1402

138

เรื่องของขยะนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ ซึ่งปัจจุบันก็มีหลากหลายยี่ห้อผลิตถังขยะออกมาให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมในการทิ้ง และหากคุณกำลังงงอยู่ว่าจะหาซื้อใช้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบมาสร้างความเข้าใจ แอบกระซิบว่าขอแถมเคล็ดลับลด - จัดการขยะก่อนทิ้งให้ไปเรียนรู้เพิ่มเติมด้วย รับรองช่วยโลกได้อีกเยอะแน่นอน
4 ถังขยะที่ควรทำความเข้าใจ เพื่อการเลือกซื้อที่ตอบโจทย์
1. ถังใส่ขยะทั่วไป
ถังใส่ขยะแบบทั่วไปเป็นขยะที่ย่อยสลายยากแต่ก็ไม่คุ้มค่ากับการไปรีไซเคิลใหม่ ได้แก่ ซองลูกอม ทิชชู ซองบะหมี่ พลาสติก ซองขนม หลอด ฯลฯ ซึ่งหลายยี่ห้อก็ผลิตมาขายเป็นแบบมีที่เหยียบเปิดฝา หรือเป็นแบบรถเข็นได้ มีหลากสี หลายขนาดให้ได้เลือก
2. ถังขยะแยกประเภท 
ต่อมาเป็นถังถังขยะแยกประเภท ซึ่งจะออกแบบมาให้สามารถใส่ขยะแบบแยกประเภทต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะขยะมีพิษ ชยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ฯลฯ ดังนี้ อาจซื้อแยกสีไปใส่ไว้หลายถังเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้ทิ้งขยะไปตามสีของถัง สะดวกต่อการคัดแยก ไม่ต้องเสียเวลา
3. ถังขยะรีไซเคิล
ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ กับถังขยะรีไซเคิลที่หลายแบรนด์ผลิตออกมาให้ได้เลือกกัน โดยตัวถังจะมีความทนทาน มีฝาปิด สามารถเลือกสี เลือกการออกแบบ รวมไปถึงจะใช้ล้อเลื่อน ตั้งพื้นธรรมดา หรือเหยียบเพื่อเปิดฝาขึ้นได้หมด ส่วนมากจะเป็นขยะอย่างขวด เศษแก้ว กระป๋องน้ำผลไม้ เศษกระดาษ ถุงพลาสติก กล่องเครื่องดื่มต่าง ๆ ฯลฯ แต่ถ้าต้องการให้เข้ากับประเภทจริง ๆ เลือกถังสีเหลืองไปเลย
4. ถังขยะอัจฉริยะ
สุดท้ายเป็นถังขยะอัจฉริยะที่ดีไซน์มาเพื่อตอบสนองความต้องการในยุค 4.0 และโควิด - 19 เป็นอย่างดี ไม่ต้องไปสัมผัสใด ๆ ขอแค่ยืน หรือยื่นขยะ เลเซอร์ตรวจจับก็จะเปิดฝาให้อัตโนมัติ เป็นต้น สามารถเลือกมาใช้งานในบ้านได้ จะใส่ขยะประเภทไหไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดี แต่ละแบรนด์ก็ผลิตถังใส่ขยะประเภทนี้ในฟีเจอร์ต่าง ๆ มาแตกต่างกัน
มาถึงตรงนี้คงต้องบอกถึงเทคนิคลด - จัดการขยะก่อนทิ้ง อย่างแรกสามารถเปลี่ยนไปใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกได้ ดื่มน้ำกับขวดหรือเทใส่แก้วเพื่อลดการใช้หลอด เลี่ยงการใช้วัสดุที่จัดการยาก ได้แก่ จากที่ใช้กล่องโฟมก็ให้เปลี่ยนมาเป็นแก้วหรือจานกระดาษ หรือเลือกใช้สิ่งที่สามารถนำกลับมาซ่อมแซมแล้วใช้ใหม่ได้ อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด หรือเสื้อผ้า เป็นต้น หวังว่ารายละเอียดเรื่องถังขยะเหล่านี้จะสร้างความเข้าอกเข้าใจให้ทุก ๆ คน และพร้อมซื้อใช้งานโดยสั่งผ่านออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาเดินทาง
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0502

139


เมื่อซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือนก็ปรารถนาจะให้แข็งแรงทนทาน ใช้กันไปนาน ๆ อย่างชุดโต๊ะกินข้าวเองก็เช่นกัน ซึ่งอันที่จริงเครื่องเรือนนี้สามารถดูแลรักษาได้ เพียงแค่ต้องเข้าอกเข้าใจหลักการที่เหมาะสม คำถามคือจะดูแลอย่างไร? นี่คงเป็นสิ่งที่เพื่อน ๆต้องการหาคำตอบ และเราอยากบอกว่าที่นี่มีข้อมูลมาให้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว
4 ทริคดูแลชุดโต๊ะกินข้าว ยืดอายุการใช้งานยาวนาน
1. กำจัดทุกสิ่งสกปกและวางของให้เป็นระเบียบ
การดูแลทริคแรกไม่ว่าจะเป็นโต๊ะกินข้าวไม้ หรือโต๊ะใดก็ตาม ควรกำจัดทุกสิ่งสกปรกให้ออกไป ทั้งเศษขยะที่แกะเปลือกแล้ววางทิ้งไว้ เศษขนมที่หก หรือที่ยังไม่แกะแต่ดูแล้วรกหูรกตา เอาออกไปให้หมดเลย ทั้งนี้ ควรจัดวางสิ่งของอย่างเป็นระเบียบ บางบ้านมีการวางจาน ชาม หรือตะกร้าเก็บช้อนส้อมชิดมุมใดมุมหนึ่ง เพื่อให้ยังมีที่พอกินข้าว
2. ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดทุกหนหลังกินเสร็จ
เมื่อเราทานข้าวร่วมกันบนโต๊ะกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำผ้าชุบน้ำ บิดจนแห้งหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดโต๊ะให้เรียบร้อย เอาสิ่งสกปรก คราบใหม่ออกให้หมด แนะนำว่าเช็ดไปทิศทางเดียวแล้วเช็ดซ้ำ หลังจากนั้นก็ปล่อยทิ้งไว้จนแห้งเอง ไม่ทำให้เกิดคราบแน่นฝังลึกไปได้ 
3. ใช้แปรงสีฟันมาขัดจุดที่เป็นคราบฝังลึก
แต่หากบ้านไหนโต๊ะกินข้าวเกิดเป็นคราบฝังลึกเรียบร้อยแล้วล่ะก็ แนะนำแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาจุ่มน้ำให้ชุ่มขัดถูจุดที่เป็นคราบฝังลึกออกจนหมด ช่วยให้คราบออกหมดเกลี้ยงถาวร แล้วก็คอยดูอย่าเกิดคราบฝังลึกอีก อย่างไรก็ดี วิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้กับโต๊ะที่เป็นไม้เด็ดขาด ก็เพราะว่าจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
4. ใช้สบู่กับโต๊ะกินข้าวไม้
โต๊ะกินข้าวไม้ไม่สามารถใช้ได้กับแปรงสีฟังมาขัด หรือน้ำยาทำความสะอาด เนื่องมาจากจะทำให้เกิดรอยข่วน สีจางซีด แนะนำว่าเลือกใช้สบู่แทน โดยการนำผ้าไปชุบน้ำสบู่แล้วถูขัดคราบอาหารต่าง ๆ ออก บอกเลยว่าหลุดออกไปอย่างง่ายๆ ไม่มีให้เห็นรำคาญตา
ชุดโต๊ะกินข้าวเสมือนจุดพักผ่อน เพิ่มพลังให้กับตนเองและคนในครอบครัว ฉะนั้น การดูแลรักษาความสะอาดจุดสร้างความสุขแบบนี้จึงสำคัญ และหวังว่าทริคทั้ง 4 จะช่วยให้โต๊ะของท่านสะอาดงามตา ยืดอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซื้อใหม่อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งหากต้องการบอกต่อทริคเหล่านี้คุณสามารถทำได้ทันที เรายินดีอย่างมาก แล้วเรามามีโต๊ะที่ใช้งานได้ยาวนานไปด้วยกันนะ
สามารถดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR0403

140


คงเป็นเรื่องปกติของคนมีเอกสารมาก หรือสำนักงานที่ต้องเก็บเอกสารหลายอย่างจำเป็นต้องมีตู้เอกสารไว้ใช้งาน แต่ถึงอย่างไรก็คงมีความสงสัยกันพอควรว่าจริงๆอุปกรณ์ชนิดนี้มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียเช่นไร? บทความนี้จึงขอพาทุก ๆ ท่านไปทำความรู้จักพร้อมกัน เพื่อการเลือกใช้งานที่เหมาะสมคุ้มค่า ตอบโจทย์ต่อตนเอง
ประเภทและข้อดี - ข้อเสียของตู้เอกสาร 
ตู้เก็บเอกสารมีให้เลือกเป็นแบบแนวตั้ง และแนวนอน ขนาด การออกแบบเป็นไปตามรูปแบบทั่วไปหรือจะให้ดีไซน์เฉพาะตัวก็ไม่มีปัญหา สามารถเก็บได้ทั้งจดหมาย เอกสาร A4 หรืออื่น ๆ มีด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้
1. ตู้เก็บเอกสารแบบลูกรอก
หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินกับชื่อประเภทของตู้ช่วยเก็บเอกสารนี้ มีลักษณะเป็นการใช้ระบบกลไกอย่างลูกรอกในการช่วยเก็บ ประหยัดพื้นที่ใช้สอย เก็บเอกสารได้เยอะ กรณีต้องการหยิบมาใช้งานก็หมุนลูกรอกให้เลื่อนลงมาหรือแยกออกจนเกิดช่องว่าง เป็นต้น แต่หากลูกรอกชำรุด เสียหาย ก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนที่มีราคาสูง และใช้เวลาซ่อมนาน 
2. ตู้เก็บแบบชั้นวางอิสระ
เป็นอีกชนิดที่หลายแห่งเลือกใช้ ลักษณะของชั้นวางแต่ตู้มีประตูกระจกปิดได้ มีชั้นวางเรียงต่อหรือซ้อนกันขึ้นไป ไม่มีอะไรมาบัง สามารถเปิดประตูชั้นแล้วหยิบเอกสารออกมาได้เลย ราคาไม่แพง และสามารถขยายเพิ่มได้ แต่กระนั้นไม่แนะนำให้เก็บเอกสารสำคัญ เพราะว่าสามารถมองเห็นรายละเอียดได้หมด แถมใครเกิดซุ่มซ่ามชนกระจกแตกบาดเจ็บอีก
3. ตู้เอกสารเหล็ก
เป็นลักษณะตู้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากกับตู้เอกสารเหล็ก มีให้เลือกทั้งแบบแนวตั้งขนาดสูงใหญ่ มีประตูปิดมิชิด และแบบแนวนอนเป็นประตูเลื่อนเปิด - ปิด มีความทนทาน แข็งแรง เสียหายได้ยากที่สุด แต่หลาย ๆ ท่านอาจเกิดปัญหาตู้ขึ้นสนิมได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ไปนาน ๆ ผ่านการตากแดด ตากลม หรือฝนสาดเข้ามาบ่อย ทั้งยังมีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายยุ่งยาก
4. ตู้ช่วยเก็บเอกสารแบบไม้
ปิดท้ายกันที่ตู้เก็บเอกสารแบบไม้ที่มีดีไซน์ให้เลือกทันสมัย เนื้อไม้มีหลายประเภท ไม่ว่าจะไม้เนื้อแข็ง หรือไม้เนื้ออ่อน มีความสวยงามโดยเฉพาะลายไม้ที่คาดไม่ถึง เหมาะกับคนไม่ได้เก็บเอกสารเยอะ เน้นสวยงาม ซึ่งราคาก็จะสูง และมีอายุการใช้งานน้อยกว่าแบบเหล็กเหตุเพราะเมื่อถูกความชื้นเนื้อไม้เสี่ยงบวม เผลอ ๆ ถูกปลวกขึ้น

หลังจากนี้เชื่อเลยว่าทุก ๆ คนที่ต้องการเก็บเอกสารจะสามารถเลือกซื้อเลือกหาตู้เอกสารได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานอย่างที่สุด ซึ่งปัจจุบันงานเอกสารยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อการเก็บที่ราบรื่น ไม่มีปัญหาเอกสารหาย หาไม่เจอตามมาภายหลังหาซื้อให้ไวเลยดีสุด
รับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/FUR1003

141


ในช่วงที่การแพร่ระบาดของโควิด - 19 ยังคงทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จะให้ใส่แค่หน้ากากอนามัย หรืออยู่ห่างกัน 1 -2 เมตร เห็นทีคงไม่พอ ไอเท็มเด็ดที่ต้องใช้อย่าง แอลกอฮอล์ล้างมือจึงไม่อาจมองข้ามได้ แต่ถึงกระนั้นบางท่านอาจยังใช้ไม่ถูกต้อง หวังจะฆ่าเชื้อโรคกลายเป็นเชื้อโรคยังอยู่ ฉะนั้น เพื่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจ จึงมีวิธีล้างอย่างถูกต้องมาฝาก
เหตุผลของการพกแอลกอฮอล์ล้างมือที่มากกว่าเชื้อโควิด - 19 
ทุกคนคงคิดว่าการพกเจลล้างมือไปไหนมาไหนเพื่อฆ่าเชื้อโควิด - 19 ทั้งที่จริงแล้วมีเหตุผลที่มากกว่านั้นอยู่หลายประการ
- พกไว้เพื่อให้ล้างทำความสะอาดหลังจากใช้มือถือที่ปกติแล้วพบแบคทีเรียได้มากกว่า 30,000 ชนิด
- ด้วยเหตุว่าที่มือสามารถมีเชื้อแบคทีเรียเกาะติดได้นาน 3 ชั่วโมง และหากเรานั้นไม่ล้างทำความสะอาด ก็จะมีแบคทีเรียที่สามารถแบ่งตัวเอง 4 ล้านตัวใน 8 ชั่วโมง เข้าสู่ร่างกายได้
- มือที่เปียกชื้นแล้วไม่ล้างให้สะอาดแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 1,000 เท่า มากกว่ามือที่แห้งปกติ ทั้งจุลินทรีย์อีก 85% ยังถูกส่งผ่านมือที่เปียกชื้นอีกด้วย
- บนโต๊ะทำงานที่เรานั้นใช้งานกันอยู่มีโอกาสพบแบคทีเรียได้ถึง 400 เท่าของที่นั่งสุขา
- บนธนบัตรที่ใช้ซื้อสินค้าพบแบคทีเรียได้ต่อฉบับที่ 26,000 ตัว
- แน่นอนว่าการเจลล้างมืออย่างถูกต้อง ช่วยให้เกิดประสิทธิภาพเทียบเท่าฉีดวัคซีน
แนะนำวิธีการใช้เจล - สเปรย์แอลกอฮอล์ล้างมืออย่างถูกต้อง
เพื่อเป็นการกำจัดสิ่งสกปรกที่อยู่บนมือ หรือลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียให้ออกไป ควรล้างมืออย่างถูกต้อง ไม่ว่าเจล หรือสเปรย์แอลกอฮอล์ก็ตาม โดยเริ่มต้นให้บีบ หรือฉีดผลิตภัณฑ์ลงที่ฝ่ามือทั้งสองข้าง จากนั้นถูทั้งฝ่ามือ + ง่ามนิ้ว หลังมือ + ง่ามนิ้ว ต่อด้วยการหมุนที่นิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง ถูบริเวณปลายนิ้วมือ 2 ข้าง จีบนิ้วมาถูที่ฝ่ามือทั้งซ้าย - ขวา สุดท้ายถูรอบข้อมือทั้ง 2 ข้าง 
สิ่งสำคัญการล้างด้วยผลิตภัณฑ์ประเภทนี้ ไม่จำเป็นล้างออกด้วยน้ำสะอาดแต่อย่างใด รวมถึงไม่ต้องเช็ดด้วยผ้าเช็ดมือ ปล่อยให้แห้งไปตามธรรมชาติระหว่างที่กำลังล้างตามวิธีข้างต้น บอกเลยว่าวิธีการเหล่านี้ไม่ได้ยาก และไม่ได้ช้าอย่างที่คิด
ปกติแล้วการล้างมือตามหลักสากลมีด้วยกัน 4 แบบ ซึ่งแอลกอฮอล์ล้างมือเป็นหนึ่งในนั้น โดยจะล้างเมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่เร่งด่วน สร้างความรวดเร็ว หรือไม่มีเวลาล้างมือกับสบู่ + น้ำสะอาด ควรบีบหรือฉีดใส่ฝ่ามือให้ได้ปริมาณ 10 มล. และใช้เวลาล้างประมาณ 15 - 25 วินาที ยืนยันว่าสิ่งสกปรก เชื้อโรคเชื้อแบคทีเรียหายเกลี้ยง สุขภาพร่างกายแข็งแรงปลอดภัยโดยเฉพาะในยุคโควิด - 19 แบบนี้
รับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0607

142


ต้องมีบ้างที่ลูก ๆ หรือตนเองเผลอติดสติ๊กเกอร์ที่ลิ้นชักพลาสติก และเมื่อติดไว้นาน ๆ วันดีคืนดีอยากแกะออก แต่เจ้ากรรมสิ่งที่หลงเหลือคือคราบเหนียวพาให้ดูสกปรกมากขึ้นไปกว่าเดิม ท่านไหนเป็นแบบนี้คงอยากจะแก้ไข จึงไม่ทำให้ผิดหวังมีวิธีการทำความสะอาดเอาคราบเหนียวหลุดออก ได้ตู้กลับมาสวยเหมือนใหม่อีกครั้ง
จัดการคราบเหนียวที่ลิ้นชักพลาสติก พาตู้กลับมาสวยเหมือนใหม่
1. จัดการด้วยน้ำยาล้างจาน + น้ำ
เป็นวิธีจัดการที่ง่ายมาก ๆ เริ่มจากผสมน้ำยาล้างจานที่มีฤทธิ์อ่อน ๆ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่นแล้วคนจนเกิดฟอง ใช้ผ้าสะอาด (แนะนำเป็นผ้าไมโครไฟเบอร์) พันนิ้วข้างที่ถนัด จุ่มที่น้ำยาล้างจานแบบเร็ว ๆ แล้วเช็ดคราบให้ทั่ว หลังจากเช็ดเสร็จให้ใช้ผ้าสะอาดมาเช็ดซ้ำจนตู้ลิ้นชักแห้ง
2. จัดการด้วยครีมเบกกิ้งโซดา
ต่อมาเลือกใช้ครีมมเบกกิ้งโซดาโดยเอาไปผสมกับน้ำในสัดส่วนที่เท่ากันให้เกิดความเหนียวข้นขึ้น สัดส่วนขึ้นอยู่ขนาดคราบที่จะเช็ดทำความสะอาด ต่อจากนั้นให้แต้มหยดเบกกิ้งโซดาที่ปลายนิ้ว แล้วไปถูคราบที่ตู้ลิ้นชักพลาสติก ไม่แนะนำให้ใช้พื้นสัมผัสหยาบ อย่างสก็อตไบรท์มาขัด ด้วยเหตุว่าจะเกิดรอยได้ สุดท้ายให้ใช้ผ้านุ่ม ๆ ที่ชุบน้ำบิดจนแห้งหมาดมาเช็ดเอาครีมเบกกิ้งโซดาออกไป แล้วผึ่งจนแห้ง
3. จัดการด้วยแอลกอฮอล์
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการจัดการด้วยแอลกอฮอล์ เริ่มลงมือทำให้นำผ้าสะอาด ๆ มาพับเป็นสี่เหลี่ยม หรือถ้าไม่มีผ้าจริง ๆ ให้ใช้ทิชชูแบบธรรมดาหรือซับน้ำมันได้หมด หงายผ้าในมือข้างที่ถนัด แล้วเทแอลกอฮอล์ใส่ผ้าให้ไว พอผ้าเปียกได้หมาด ๆ ก็รีบนำไปเช็ดคราบที่ติดอยู่ตู้ลิ้นชักได้
4. จัดการด้วยเทป
สุดท้ายนี้เป็นวิธีการที่ง่ายมาก ไม่ต้องผสมอะไรทั้งสิ้น แค่มีเทปก็เพียงพอแล้ว จะเป็นเทปใส เทปพันสายไฟฟ้าสีดำ หรือเทปน้ำตาลได้หมด โดยให้ตัดเทปออกมาตามขนาดของคราบที่จะจัดการ ต่อไปก็นำเทปไปแตะ ๆ ตรงคราบย้ำซ้ำ ๆ เอาออกจนหมด ซึ่งความเหนียวเจอความเหนียวจึงช่วยให้คราบหลุดออกจากตู้ลิ้นชักพลาสติกได้ดี
สิ่งที่อยากฝากไว้เลยก็คือหากคุณเลือกใช้แอลกอฮอล์ทำความสะอาดต้องทดสอบแค่จุดเล็ก ๆ ก่อนเพื่อดูว่าทำลายสีของลิ้นชักพลาสติกหรือไม่ เนื่องด้วยพลาสติกบางแบบไม่ถูกกับสิ่งนี้ รวมถึงหลังการทำความสะอาดไม่ว่าจะวิธีใดก็ตาม ห้ามนำความร้อนจากไดร์เป่าผมมาเป่าหวังทำให้แห้งไวโดยเด็ดขาด ด้วยเหตุว่าจะทำให้สีตู้เปลี่ยนไป อย่างที่บอกให้เช็ดจนแห้ง หรือผึ่งลมเท่านั้น แล้วคราบจากตู้จะหลุดออกหายห่วงไปโดยปริยาย ติดกี่ชิ้น คราบใหญ่แค่ไหนก็ไม่หวั่น
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP1207
 

143


ตกเป็นไอเท็มสำคัญที่ต้องพกไปด้วยเมื่อออกจากบ้านสำหรับ “หน้ากากอนามัย” ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะแบบผ้า แบบทางการแพทย์ N95 ฯลฯ แต่อย่างไรแล้วแต่ละประเภทย่อมมีประสิทธิภาพด้านการป้องกันที่แตกต่างกัน จึงจะมาเสนอแนะให้อย่างหมดเปลือก พร้อมแถมวิธีสวม - ถอดที่ถูกต้องเพิ่มเติมให้ด้วย
หน้ากากอนามัยแต่ละประเภทมีประสิทธิภาพการป้องกันประการใด?
1. หน้ากากทางการแพทย์
หรือที่รู้จักกันดีว่ามาสก์สีเขียว ผลิตจากพลาสติกพอลิโพรไพลีน มีความสามารถในการป้องกันไวรัส เชื้อแเบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นขนาดเล็ก หาซื้อได้ง่าย ราคาไม่แพงมากเฉลี่ย 2.5 บาทขึ้นไป ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อที่มาจากสารคัดหลั่งคนสู่คน แต่หากขนาดไม่พอดีกับหน้ามีโอกาสเลื่อนหลุดง่าย ต้องใช้มือมาสัมผัส ทำให้เสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น
2. หน้ากาก หน้ากาก N95
ต่อมาเป็นหน้ากากชนิด N95 ที่สามารถป้องกันไวรัสได้ถึง 95% ทำจากโพลีโพรพีลีน มีประสิทธิภาพการป้องกันเกี่ยวกับไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นละอองขนาดเล็กไปจนถึงเชื้อโควิด - 19 ได้ดี แต่จะกระชับหน้ามาก เพิ่มความอึดอัดเวลาสวม ใส่แล้วพับเก็บยาก เนื่องจากลักษณะเป็นฝาครอบ
3. หน้ากากแบบผ้า
สำหรับหน้ากากผ้าใช้วัสดุทำหลากหลาย ทั้งใยสังเคราะห์ ผ้าฝ้าย ฯลฯ ราคาจึงแตกต่างกันออกไป สามารถนำมาซักใช้งานซ้ำได้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นเท่านั้น มีหลายสีหลายลายให้เลือกใช้ แต่จะไม่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็ก ๆ ได้ 
4. หน้ากากแบบคาร์บอน
ปิดท้ายด้วยหน้ากากแบบมีชั้นกรองคาร์บอนที่ประสิทธิภาพจะเหมือนกับหน้ากากทางการแพทย์ คือความสามารถการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ละอองเกสร และฝุ่นละอองขนาดเล็ก แต่ที่ต่างคือสามารถป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี ต้องสังเกตว่าสีที่เห็นเป็นการเสริมชั้นกรองคาร์บอน หรือแค่สีสันที่คล้ายหน้ากากทางการแพทย์ เพราะไม่อย่างนั้นประสิทธิภาพการป้องกันจะต่ำลงกว่าเดิม
สอนวิธีใส่ - ถอดหน้ากากที่ถูกต้อง
ในส่วนของการสวมและถอดที่ถูกวิธีนั้นไม่ว่าจะ หน้ากาก N95 หน้ากากผ้า หรือหน้ากากใด ๆ ก็ตาม ต้องเริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด ต่อจากนั้นให้สวมหน้ากากปิดทั้งปาก จมูก โดยดึงลงให้ถึงใต้คาง กรณีเป็นหน้ากากทางการแพทย์ หรือหน้ากากคาร์บอน ให้กดเหล็กดามลงที่สันจมูกด้วย 
สำคัญมากคือพยายามไม่สัมผัสโดยตรงกับหน้ากากระหว่างวัน หากต้องสัมผัสให้ล้างมือด้วยเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ สบู่+น้ำทุกครั้ง หากชื้นต้องถอดออกและใส่อันใหม่ทันที การถอดออกต้องถอดจากด้านหลัง แล้วทิ้งในถังขยะแบบปิด
ในยุคที่ทุก ๆ คนต้องเอาใจใส่ตัวเองอย่างดีที่สุดให้ห่างไกลจากความเสี่ยงแพร่ - รับเชื้อโควิด - 19 เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่สำคัญ ด้วยเหตุนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับเลือกสวมใส่ - ถอดอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TOO020106

144


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการเก็บของต่าง ๆ ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วต้องการลังหรือกล่องพลาสติก แต่ไม่รู้จะเลือกซื้อเลือกหาจากที่ไหน ก็อยากเสนอแนะให้เลือกแหล่งขายชั้นนำที่เปิดให้บริการ เช่น โฮมโปร หรืออื่น ๆ แต่ถ้าท่านใดยังไม่มั่นใจเราก็มี 5 เหตุผลที่ควรเลือกซื้อกล่องเก็บของมาบอกต่อ รับประกันว่าหลังจากศึกษาจบต้องรีบไปซื้อทันทีแบบไม่มีลังเล
5 เหตุผลที่เราควรเลือกกล่องเก็บของกับแหล่งขายชั้นนำ
1. มีของให้เลือกหลากหลายแบบ
แน่นอนว่าแหล่งขายชั้นนำย่อมมีสินค้า อย่างลังพลาสติกมาวางขายให้เราได้เลือกซื้อเลือกหาหลาย ไม่ว่าจะสัดส่วน การออกแบบ สีสัน ฯลฯ ซึ่งมักสอดคล้องกับลักษณะการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ดังเช่น ต้องการเก็บเสื้อผ้าก็มีเป็นตระกร้าลัง หรืออยากเก็บของจุกจิกก็มีกล่องอเนกประสงค์ให้ อยากได้ที่หิ้วด้วย อยากได้สีมองเห็นของ สีทึบใด ๆ ก็มี เรียกได้ว่าไปซื้อแบบไม่เสียเปล่าแน่นอน
2. มีพนักงานคอยให้บริการ
การบริการถือเป็นสิ่งสำคัญที่แหล่งขายชั้นนำอยากมอบให้กับลูกค้า ซึ่งหากเลือกซื้อสินค้า อย่างลังเก็บของแล้วเกิดมีความสงสัยเรื่องต่าง ๆ อย่างเช่น ขนาด ความหนาบาง หรือใครเดินหาไม่เจอพนักงานก็จะช่วยบอก ช่วยบริการให้ หรือเราลังเลไม่รู้ว่าเลือกชนิดไหน พนักงานก็จะแนะนำชิ้นที่เหมาะสมที่สุด
3. คุณภาพสินค้าได้มาตรฐาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสินค้าที่ได้จากแหล่งขายชั้นนำย่อมมีมาตรฐาน ไม่มีชำรุด ไม่เสียหายได้ง่าย ๆ ก็เพราะว่าทุกชิ้นได้เข้าเกณฑ์การตรวจสอบทุกด้านมาเรียบร้อยพร้อมวางจำหน่ายให้ซื้อใช้งาน หรือหากมีปัญหาจริง ๆ สามารถเคลมสินค้าเป็นชิ้นใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องอยู่ในระยะเวลาหลังซื้อและเงื่อนไข
4. ราคาเหมาะสม
ราคาของสินค้า อย่างลังเก็บของเป็นไปอย่างเหมาะสม ตามราคากลางทั่วไป ไม่แพงมากเกิน ไม่ถูกโอเวอร์ ทั้งนี้เพราะบางครั้งหลายร้านตั้งราคาไว้สูงมากแต่คุณภาพสินค้าเทียบเท่ากับอีกสินค้าที่ราคาถูกกว่า หรือบางร้านตั้งราคาต่ำมาก คุณภาพก็มักจะต่ำตามไปด้วย ทั้งนี้เพราะเกี่ยวข้องกับวัสดุที่ใช้ทำ เป็นต้น 
5. มีบริการทางออนไลน์
สุดท้ายปัจจุบันแหล่งขายชั้นนำมักมีช่องทางออนไลน์ให้เป็นอีกทางเลือกในการซื้อสินค้า อย่างกล่องอเนกประสงค์ หรือกล่องลังต่าง ๆ โดยที่ระบุราคา รายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน สามารถเปรียบเทียบตามความเหมาะสมได้ เมื่อพอใจก็กดสั่ง จ่ายเงิน แล้วรอรับสินค้าหน้าบ้านเลย ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตนเอง
เมื่อเห็นความน่าสนใจของการเลือกซื้อกล่องเก็บของกับแหล่งขายชั้นนำแบบนี้แล้ว คงรีบอยากไปซื้อกันแน่ใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าใครตัดสินใจได้แล้วก็อย่ารอช้ารีบเดินทางไปซื้อ หรือจะสั่งผ่านออนไลน์ก็เข้าไปที่เว็บไซต์หลักของแหล่งขายชั้นนำนั้น ๆ ได้ทันที
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP1206
 

145


ในช่วงที่หลายคนต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work from home แบบนี้ต้องมีบ้างที่รู้สึกว่าโต๊ะทำงานดูรก ไม่เรียบร้อย รวมถึงโต๊ะต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นโต๊ะวางคอม ใช้อ่านหนังสือ ฯลฯ เพื่อให้การใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ลองจัดวางสิ่งของตามทริคต่อไปนี้ดูไหม รับประกันว่าหาของได้ไม่หลงลืม จัดเก็บเป็นระเบียบ ใครเข้ามาเห็นก็ต้องชื่นชม
สัดส่วนของโต๊ะใช้ทำงานที่ควรรู้
ก่อนที่จะไปทำความเข้าใจถึงเคล็ดลับการจัดวางสิ่งของบนโต๊ะที่ไว้ทำงาน หรือโต๊ะคอม โต๊ะอ่านหนังสือ ขออธิบายถึงสัดส่วนที่ควรเป็นก่อน ซึ่งความลึกและความกว้างควรพิจารณาจากพื้นที่ทำงานใกล้ตัวอย่างเหมาะสม สามารถวาดมือบนโต๊ะได้โดยที่ศอกชิดลำตัวลักษณะครึ่งวงกลม ศอกถึงข้อนิ้วหยิบของได้ควรยาวออกไป 35 - 45 เซนติเมตร สามารถเปลี่ยนเหยียดแขนได้ ความยาวโต๊ะควร 160 เซ็นติเมตร (ครึ่งวงกลม) ทั้งนี้ สามารถออกแบบโต๊ะที่อยู่ในรูป L ได้ ช่วยให้หมุนเก้าอี้ง่าย หยิบของได้สะดวก
หาของไม่เจอ หลงลืมไม่รู้อยู่ตรงไหน ลองจัดโต๊ะทำงานตามนี้ช่วยได้
1. ของมีน้ำหนักแล้วไม่ใช้บ่อย
สำหรับสิ่งของที่มีน้ำหนักแล้วไม่ได้จำเป็นต้องใช้งานบ่อย ๆ ด้วยเอาไปวางไกลตัวผู้ใช้งาน อย่างขอบโต๊ะทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องลุกหยิบบ่อย ๆ  แต่ถ้าอยากใช้ก็เลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ ๆ ได้ อย่าวางลึกเข้าไปเพราะว่าการเอื้อมทำให้ไหล่ใช้งานหนัก เสี่ยงเกิดแรงกดหมอนรองกระดูกสันหลัง เช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่อาจมีหนังสือหลาย ๆ เล่มไม่ได้ใช้บ่อย
2. ใช้งานบ่อยจำเป็นต้องไว้ใกล้ตัว
เป็นทริคง่าย ๆ ที่หลายคนคงรู้กันในระดับหนึ่ง เมื่อของที่เราใช้งานบ่อย ๆ ก็ควรวางให้อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด เช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์ใช้แป้นพิมพ์ ใช้เมาส์ประจำ ก็ควรวางไว้กลางโต๊ะ ใกล้ขอบโต๊ะ หรือโต๊ะอ่านหนังสือที่มีหนังสือเล่มโปรดก็ควรวางใกล้ ๆ ด้านซ้ายหรือขวา เป็นต้น
3. น้ำหนักเบาใช้งานบ่อยแต่ยังไม่มาก
แอบสงสัยกันใช่ไหมว่าสิ่งของน้ำหนักเบาใช้งานไม่ได้บ่อยมากคืออะไร อย่างเช่น ปากกา กรรไกร สก็อตเทป ฯลฯ แนะนำว่าให้วางในพื้นที่ครึ่งวงกลม กล่าวคือสามารถเอื้อมหยิบได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อหมอนรองกระดูก
4. วางให้เหมาะกับลำดับการใช้งาน
ปิดท้ายคือการวางให้เหมาะกับลำดับการใช้งานอย่าง โต๊ะคอมถ้าต้องมีการอ่านแล้วพิมพ์งานไปด้วยให้วางแผ่นงานทางด้านซ้าย แล้วใช้เครื่องคอมพ์ หรือโน้ตบุ๊กกลางโต๊ะ ช่วยให้การทำงานสะดวก ง่ายดายมากยิ่งขึ้น 
ต่อจากนี้ไปโต๊ะทำงาน รวมไปถึงโต๊ะวางเครื่องคอมพ์ วางหนังสือของท่านจะจัดวางสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเอื้อมจับ หยิบใช้สิ่งของได้ง่ายดาย ใครยังไม่ได้จัดลักษณะที่แนะนำรีบไปปรับเปลี่ยนกันเลย ไม่หวงสูตร
ชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1005

146

ไดร์เป่าผม” อุปกรณ์ช่วยทำผมเองที่บ้าน อย่างไรก็ตามเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าคนจำนวนไม่น้ิยต้องกำลังมีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้งานแบบผิด ๆ ที่เป็นอันตรายสร้างปัญหาที่ทำให้ผมเสียก่อนเวลาอันควร จึงอยากนำข้อมูลดี ๆ มาแชร์เรื่องต้องรู้กับข้อห้ามของการใช้งานอุปกรณ์ทำผมชนิดนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจใหม่ ไม่มีปัญหาเรื่องผมเสียกวนใจในอนาคต
5 ข้อห้ามเมื่อจะเลือกใช้งานไดร์เป่าผม เรื่องของผมที่สาว ๆ ต้องรู้
1. เลือกเป่าผมทั้งที่ยังเปียก
เป็นข้อห้ามแรกที่หลายคนต้องรู้ก่อนเลย ไม่ควรเป่าผมขณะที่ยังเปียก ก็เพราะว่าตอนนั้นผมจะมีความอ่อนแอมาก การนำความร้อนไปสัมผัสยิ่งทำให้เสียความชุ่มชื้นของเส้นผมเข้าไปใหญ่ แนะนำว่าเช็ดผมจนแห้งหมาด ๆ แล้วค่อยเป่า ช่วยรักษาความชุ่มชื้นไว้ในระดับหนึ่ง แม้กระนั้น ปัจจุบันไดร์หลายยี่ห้อมีนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น ไดร์เป่าผม dyson ที่มีระบบควบคุมความร้อนอัจฉริยะ อ่อนโยนต่อเส้นผม และหนังศีรษะ ช่วยให้การเป่าผมปลอดภัยขึ้น
2. หลังสระผมมาใหม่ ๆ ก็เป่าผมทันที
หลายคนไม่รู้คิดว่าต้องรีบเป่าผมให้แห้ง หลังสระผมมาแล้วก็ใช้ไดร์เป่าทันที ทั้งที่จริงแล้วผมของเราจะพันกันยุ่งไปหมด ใช้ความร้อนทันทีจึงไม่ดีแน่นอน แนะนำว่าให้เช็ดผมแห้งหมาดแล้วสางผมออกเบา ๆ ให้ผมเรียงเส้นเป็นระเบียบ ต่อจากนั้นจึงค่อยเป่าผมให้แห้งง่ายขึ้น 
3. เป่าผมเสร็จแล้วไม่บำรุงเส้นผม
นี่ก็เป็นอีกข้อห้ามที่หลังจากเป่าผมเสร็จก็ปล่อยละเลย ทั้งที่จริงเราควรบำรุงเส้นผมอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเลือกใช้ไดร์เป่าผม dyson ไดร์เป่าผม Philips หรือแบรนด์อื่น ๆ ที่มีนวัตกรรมช่วยเส้นผมสุขภาพแข็งแรงอย่างไรก็ตาม แนะนำว่าให้ทาเซรั่มหรือครีมบำรุงเส้นผม เป็นการเพิ่ม / ล็อกความชุ่มชื้น 
4. ขณะเป่าไม่แบ่งผมออกเป็นช่อ
สุดท้ายคือการที่เราเป่าผมไปดื้อ ๆ โดยไม่มีการแบ่งผมเป็นช่อ จะทำให้ผมแห้งไม่สม่ำเสมอ แนะนำว่าควรแบ่งเป็นช่อ ๆ แล้วเป่า เริ่มจากด้านในออกมาด้านนอก เป่าจนเส้นผมแห้งสนิท หากผมจุดไหนแห้งไม่สนิทเมื่อทำผมต่อ อย่างเช่น ใช้เครื่องหนีบ หรือม้วนผม พอความร้อนไปถูกตรงที่แห้งไม่สนิทก็ทำผมเสีย ผมไหม้ได้
นอกจากนี้ ควรเลือกหวีที่เหมาะสมต่อการใช้ไดร์เป่าผมด้วย โดยหวีที่อยากแนะนำควรมีลักษณะเป็นม้วนกลม หรือ Round Bush ช่วยจัดทรงผมได้ดี ไดร์ผมตรงจุด อยากลอนช่วงปลายก็ไม่มีปัญหา ทั้งนี้ประเทศไทยเรามีหลากหลายแบรนด์ ได้แก่ ไดร์เป่าผม dyson ไดร์เป่าผม Philips หรือแบรนด์อื่น ๆ อยากให้ลองศึกษารายละเอียด ฟังก์ชันการทำงานก่อนสั่งซื้อเสมอ
สามารถชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP160101

147


การซักผ้าคือสิ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แน่นอนว่าใครที่ไม่อยากเสียเวลา หรือเปลืองแรงแขนก็อยากเลือกใช้เครื่องซักผ้าโดยเฉพาะเครื่องซักผ้า 2 ถัง แต่กระนั้นจะรีบตกลงใจเลือกซื้อเลยเห็นทีคงไม่ดีแน่ ทั้งนี้เพราะมีโอกาสเสี่ยงใช้งานสินค้าไม่ตอบโจทย์ ด้วยเหตุนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อจึงสำคัญมาก
4 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเครื่องซักผ้า 2 ถัง
1. ความจำเป็นในการใช้งาน
แน่นอนว่าราคาเครื่องซักผ้า 2 ถังเป็นอีกประเภทที่ได้รับความนิยม สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือความจำเป็นในการใช้งาน ว่าในทุกวัน ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือนซักผ้ากันกี่ครั้ง ซักบ่อยหรือไม่ หรือท่านไหนที่ต้องการทุ่นเวลา ต้องการเอาเวลาไปทำอย่างอื่นพร้อมกับการซักผ้าด้วย ไม่อยากออกแรงแขนมาก แบบนี้คือมีความจำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ
2. เปรียบเทียบยี่ห้อหาความคุ้มค่าที่สุด
ปัจจุบันเครื่องซักผ้าประเภท 2 ถังมีหลายแบรนด์ออกแบบมาให้ใช้งาน ที่สำคัญมีฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกันออกไป จึงควรทำความเข้าใจข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละเครื่อง เพื่อเปรียบเทียบหาความคุ้มค่าที่สุดให้กับตนเอง ดูว่าชนิดไหนที่จะตอบโจทย์มากที่สุด หมดห่วงความสงสัยเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดีไปได้
3. ศึกษาฟังก์ชันการใช้งาน
อย่างที่บอกว่าหลายแบรนด์ผลิตออกมาและมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะ จนหลายคนอาจเกิดอาการสงสัยเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดี แต่จริง ๆ เราควรทำความเข้าใจเรื่องฟังก์ชันเป็นสำคัญด้วย เพื่อดูว่าฟังก์ชันไหนทำงานอย่างไร สร้างความเข้าใจในการใช้งานแต่เนิ่น ๆ ทั้งนี้จะไปสอดคล้องกับเรื่องของความจำเป็นในการใช้งาน เนื่องด้วยหากไม่จำเป็นซื้อมาก็เปล่าประโยชน์ แถมราคาอาจสูงกว่าอุปกรณ์อื่นที่ตอบโจทย์กว่าก็ได้
4. หากจะสั่งซื้อออนไลน์ต้องเลือกแหล่งที่ไว้ใจได้
ในการเลือกซื้อเลือกหาสินค้าปัจจุบันเราสามารถกดสั่งผ่านออนไลน์ได้ ซึ่งมีหลายแหล่งให้เลือกอีกเช่นกัน จึงอยากบอกว่าให้เลือกดูแหล่งที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้จะดีกว่า อาจดูจากระยะเวลาการขายสินค้าผ่านออนไลน์ การลงรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งฟังก์ชัน ขนาด ความจุถัง ราคาเครื่องซักผ้า 2 ถัง หรือจะเป็นรีวิวจากลูกค้าคนก่อน ๆ ที่ซื้อสินค้าจากร้านไป แล้วมารีวิวว่าได้รับสินค้ารวดเร็วแค่ไหน เพื่อให้การกดสั่งเป็นไปอย่างสบายใจ ราบรื่น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตกลงใจเลือกซื้อเครื่องซักผ้า 2 ถังมาใช้งาน สร้างความเหมาะสม ตอบโจทย์ต่อตนเอง และหากใครมีความต้องการอยากส่งต่อข้อมูลดี ๆ เหล่านี้ก็สามารถทำได้ทันที เรายินดีเป็นอย่างมาก เพื่อเสื้อผ้าที่สะอาด ประหยัดเวลาตนเอง
เข้าดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP130304

148


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังพบปัญหาพัดลมตั้งโต๊ะที่ใช้งานอยู่ดี ๆ กลับไม่หมุนขึ้นมาดื้อ ๆ แล้วตัดสินใจจะไปเลือกซื้อเลือกหาเครื่องใหม่ อยากให้ใจเย็นแล้วลองเรียนรู้บทความนี้ดู เพราะมีวิธีการซ่อมเองง่าย ๆ ไม่ต้องง้อช่างมาบอกต่อ การันตีไม่เปลืองเงิน ได้กลับมาใช้งานให้ความเย็นดังเดิม เพิ่มเติมคือลดความหงุดหงิดจากสภาพอากาศ
พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุนจัดการได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ดังนี้
1. ให้ทำความสะอาดอย่างหมดจด
จริง ๆ แล้วการที่พัดลมเกิดปัญหาไม่หมุนมีปัจจัยมาจากสิ่งสกปรก ฝุ่น เส้นผม หรือเส้นขนสัตว์ไปสะสมแล้วติดพันจนมอเตอร์ไม่สามารถหมุนต่อไปได้ การทำความสะอาดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะพัดลมตั้งพื้น หรือประเภทติดตั้งเพดาน โดยวิธีการทำความสะอาดแบบตั้งโต๊ะ ได้แก่ 
-    ให้เตรียมอุปกรณ์ช่วยอย่าง ผ้าแห้ง แปรงสีฟัน น้ำสะอาด และน้ำยาทำความสะอาด
-    เริ่มแกะอุปกรณ์ออกไปตามลำดับ ได้แก่ ตัวล็อกใบพัด แล้วค่อยหมุนเอาใบพัดออก ต่อจากนั้นถอดตัวล็อกตะแกรง พร้อมถอดฝ้าตะแกรงหลังออก
-    ทำความสะอาดอุปกรณ์ทุกชิ้นที่ถอดออกมา โดยใช้แปรงสีฟันขัดคราบสกปรก แล้วนำผ้าแห้งมาเช็ดจนกว่าอุปกรณ์ต่าง ๆ จะแห้ง 
-    นำไปผึ่งแสงแดดต่อเพื่อป้องกันการชื้นจนเกิดสนิม แล้วทาน้ำมันหล่อลื่นให้เรียบร้อย (น้ำมันหล่อลื่น ได้แก่ น้ำมันหยอดจักร หรือน้ำมันเครื่องเก่า)
-    ประกอบอุปรกณ์ต่าง ๆ ตามลำดับ ได้แก่ ตะแกรงด้านหลัง ตัวล็อกตะแกรง สวมใบพัด ล็อกใบพัด แล้วใส่ตะแกรงหน้า อย่าลืมล็อกทุกชิ้นส่วนของพัดลมให้แน่น
2. ต้องเปลี่ยน BUSH ที่เสื่อมสภาพ
อีกสิ่งที่สามารถซ่อมพัดลมเองได้ก็คือการเปลี่ยน BUSH ที่เสื่อมสภาพ เริ่มต้นให้เตรียมไขควงแฉก ตะกั่วบัดกลี คัตเตอร์หัวแร้ง แล้วเริ่มถอดอุปกรณ์ด้วยการไขนอตที่หลังพัดลม โดยตัว  BUSH จะคล้ายกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ให้ปลอกสายไฟฟ้าแล้วทำการบัดกลี ซึ่งต้องระวังมากอย่าให้โดนส่วนอื่นของสายไฟ กรณีที่ไม่มีหัวแร้งสามารถใช้มือพันเองได้แต่ต้องแน่น ๆ แล้วพันด้วยเทปสายไฟ สุดท้ายใส่อุปกรณ์ทั้งหมดกลับเข้าที่ นำ BUSH ใส่ตรงจุดเดิมด้วย แล้วขันนอตจนแน่น กรณีที่มอเตอร์เสีย แนะนำว่าให้ดูดี ๆ ระหว่างค่าซ่อม กับซื้อตัวใหม่แบบไหนดีกว่า ทั้งนี้เพราะราคามอเตอร์พัดลมตั้งพื้นอยู่ที่ 200 - 300 บาท 
ปกติแล้วปัจจัยที่ทำให้พัดลมตั้งโต๊ะไม่หมุนนอกจากสิ่งสกปรก ฝุ่น เส้นผม หรือเส้นขนสัตว์ติดอยู่ที่แกนหมุนใบพัด เรื่องของมอเตอร์ที่มีปัญหา ก็ยังมีเรื่องแกนหมุนเสื่อมสภาพด้วยเช่นกัน โดยบุชเป็นอุปกรณ์วงกลมครอบแกนหมุนใบพัดที่อยู่ด้านหน้ามอเตอร์ หากเสื่อมสภาพก็ต้องซื้อมาเปลี่ยนใหม่ หวังว่าใครที่มีปัญหานี้จะสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองอย่างราบรื่น
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0508

149


ด้วยสภาพอากาศในบ้านเราที่ร้อนจัดทำให้เกิดไอเท็มพัดลมน่าสนใจอย่างพัดลมไอเย็นขึ้น แต่เรื่องนี้จำเป็นต้องทำความเข้าใจเพราะเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทดังกล่าวไม่เหมือนพัดลมแบบไอน้ำที่หลายท่านกำลังเข้าใจอยู่ แล้วพัดลมแบบไอเย็นมีลักษณะอย่างไร จะดูแลรักษาความสะอาดยากหรือไม่? อยากรู้ต้องไปหาคำตอบโดยด่วน 
ความแตกต่างของพัดลมไอเย็น VS พัดลมแบบไอน้ำ
ความต่างที่ต้องทราบ คือ พัดลมแบบไอเย็นจะส่งความเย็นเป็นลมผ่านแผ่นทำความเย็นที่อยู่ภายในเครื่อง แต่ถ้าเป็นพัดลมไอน้ำระหว่างที่เปิดใช้งานจะมีละอองน้ำออกมาด้วย และเป่าให้ละอองกระจายไปทั่วด้วยลม จึงจัดได้ว่าพัดลมแบบไอเย็นเหมาะกับการใช้งานภายในห้องต่าง ๆ ที่ลมพัดผ่าน ถ่ายเทสะดวก ขณะที่พัดลมแบบไอน้ำจะเหมาะกับการใช้งานในพื้นที่โล่งแจ้ง
หากอธิบายให้เข้าใจถึงหลักการทำงานของพัดลมแบบไอเย็นต้องบอกว่าเป็นการระเหยของน้ำผ่านแผงเปลี่ยนความร้อน หรือ Cooling Pad, Evaporation Pad แล้วถูกส่งขึ้นไปในระบบจ่ายน้ำให้ถูกปล่อยผ่านแผง จากลมที่ร้อนก็จะเย็นขึ้นและเป่าออกมา กรณีแลกเปลี่ยนความร้อนเป็นความเย็นไม่พอ สามารถนำ Cooling Pack ไปแช่เย็นแล้วเอามาใส่ในถังเก็บน้ำได้ ก็จะทำให้เย็นขึ้น ได้แก่ พัดลมไอเย็น hatari หรือยี่ห้ออื่น ๆ ที่มี Cooling pack อย่างดีให้ใช้งาน
แล้วเราจะดูแลรักษาหลังใช้งานอย่างไร?
หลังจากทราบเรื่องความต่างของพัดลมแบบไอเย็น และพัดลมไอน้ำ ถึงเวลาต้องดูแลรักษากันหน่อย เริ่มต้นหลังจากเลิกใช้งานแล้วทุกครั้งให้กดปุ่มทำงานเครื่องแบบไม่ทำความเย็น เพื่อเป็นการไล่ความชื้น ลดการเกิดเชื้อราบน Cooling Pad ออก นำน้ำที่เหลือไปเททิ้ง ต่อไปถอดแผ่นกรองออกมา ฉีดน้ำเบา ๆ ไล่ฝุ่น แล้วไปตากในที่อากาศถ่ายเท ลมพัดผ่าน (ห้ามตากแดดจัด) 
เสร็จแล้วก็เปิดแผ่นกรองออก นำแผงทำความเย็นมาล้างเปิดน้ำให้ไหลผ่านไล่ฝุ่น ไม่จำเป็นต้องผสมกับน้ำยาใด ๆ บางแบรนด์อาจมีแผงทำความเย็นมากกว่า 1 แผง เช่น พัดลมไอเย็น hatari ก็ถอดออกมาล้างให้หมด ส่วนถังเก็บน้ำแบรนด์ไหนถอดได้ก็ถอดออกมาล้าง แต่หากไม่ได้ก็เปิดช่องระบาย ใช้ฟองน้ำชุบน้ำแล้วบิดให้แห้งหมาด ๆ มาเช็ดภายใน รวมถึงเช็ดใบพัดด้วย
หลังจากทุก ๆ อุปกรณ์ที่ถอดออกมาดูแลรักษาความสะอาดแห้งหมดแล้ว ให้ประกอบชิ้นส่วนพัดลมไอเย็นเข้าไปให้เหมือนเดิมตามลำดับ สิ่งสำคัญต้องระวังแผงควบคุมความเย็นด้วยเพราะทำจากกระดาษ เสียหายง่าย เท่านี้สิ่งสกปรกก็จางหาย ใช้งานได้ความเย็นเหมือนเดิม 
เข้าดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP0507

150


สภาพอากาศอันแสนอบอ้าวของเมืองไทย ทำให้หลายบ้านจำเป็นจะต้องต้องติดตั้งแอร์เพื่อเพิ่มความเย็นให้ร่างกาย แต่คุณ ๆเคยประสบปัญหาเปิดแล้วไม่เย็นกันบ้างหรือไม่? แท้จริงเป็นเพราะอะไร สามารถสังเกตอาการได้เพื่อลดความผิดพลาดดังกล่าวได้ยังไง เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่ยุ่งยาก ขอนำเสนอข้อมูลมาช่วยไขข้อสงสัยให้การใช้งานของคุณเย็นฉ่ำโดนใจ ไม่ว่าอากาศจะร้อนร้อนเท่าใดก็หมดห่วง
เหตุใดแอร์ที่ใช้งานอยู่ถึงไม่เย็น?
ที่จริงแล้วสาเหตุที่เครื่องปรับอากาศที่ใช้งานอยู่ไม่เย็น มีหลายปัจจัยด้วยกัน อาจมาจากผู้ใช้เปลี่ยนโหมดใช้งานผิดเพี้ยนไป กลายเป็นเปิดแบบใช้พัดลมบ้าง หรืออื่น ๆ ซึ่งปกติแล้วก็แค่เปิด - ปิด และเพิ่ม - ลดอุณหภูมิเท่านั้น แนะนำว่าให้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับระบบการทำงานให้ชัวร์ 
ทั้งนี้ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ดังเช่น เครื่องมีรอยรั่ว คอมเพรสเซอร์ทำงานผิดปกติ หรือน้ำยาหมด เป็นต้น และหากระดับความเย็นลดลงจากปัจจัยเหล่านี้ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยแก้ไข เพราะด้วยราคาแอร์แต่ละเครื่องค่อนข้างสูง จึงไม่ควรเสี่ยงแก้ไขเอง
พาไปสังเกตสาเหตุที่เครื่องปรับอากาศไม่เย็น
1. ให้ตรวจสอบโหมดหรือฟังก์ชันใช้งาน
อย่างที่บอกว่าการเปลี่ยนโหมดของผู้ใช้งานเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เครื่องไม่เย็น จึงควรสังเกตโหมด หรือฟังก์ชันที่ใช้งานอยู่ ดูว่าตอนนี้เครื่องอยู่ในโหมดปกติหรือไม่ โดยสังเกตที่รูปไอคอน กรณีไม่เย็นจะอยู่ในรูปไอคอนพัดลม ก็ให้เปลี่ยนกลับให้อยู่ในโหมดเย็น โดยจะเป็นรูปไอคอนเหมือนหิมะ มีแฉก ๆ รับรองว่ากลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิม
2. ให้ตรวจสอบที่คอมเพรสเซอร์
ด้วยกลไกของเครื่องปรับอากาศในบางรุ่นป้องกันเวลาไฟตก เมื่อไฟตกขึ้นมาเครื่องจะยังสามารถทำงานได้ปกติ แต่ก็มีบ้างที่ความเย็นลดลง และเมื่อยกเบรกเกอร์ขึ้นความเย็นก็จะกลับมา นอกจากนี้ยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ อาทิ เครื่องมีเสียงดังแปลก ๆ หรือตัวเครื่องคอมเพรสเซอร์ไม่ทำงาน ควรเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยดีกว่า 
3. ให้ตรวจสอบที่ฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรอง
สุดท้ายให้ลองไปตรวจสอบฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองดู เปิดหน้ากากของเครื่องออก ดูว่ามีสิ่งสกปรก ฝุ่น เส้นผม เส้นขนเกาะตามแผงหรือไม่ หากพบว่ามีเป็นจำนวนมาก หรืออุดตันการไหลเวียนให้ถอดออกแล้วทำความสะอาดใส่กลับเข้าไปใหม่ ทำให้อากาศไหลเวียนดีขึ้นได้ อุณหภูมิก็จะกลับมาเย็นฉ่ำเหมือนเดิม ซึ่งผู้ใช้งานควรตรวจสอบเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ
เมื่อรู้ว่าสาเหตุที่แอร์ไม่เย็นเป็นเพราะอะไรแบบนี้แล้ว ต่อไปเมื่อเกิดปัญหาขึ้นรับรองว่าผู้ใช้งานทุก ๆ คนจะสามารถตั้งรับ และตรวจสอบด้วยตนเอง พร้อมแก้ไขได้หากไม่เหนือบ่ากว่าแรง แต่ถ้าไม่ได้จริง ๆ ต้องเรียกผู้เชี่ยวชาญมาช่วยทันที ทั้งนี้ บ้านเราก็มีขายอยู่หลายแบรนด์ ราคาแอร์ก็มีตั้งแต่ราคาเริ่มต้นที่หลักหมื่นต้น ๆ ไปจนถึงหลายหมื่นเลยทีเดียว อย่าลืมเลือกที่ตอบโจทย์กันนะ
สามารถดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP01

หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12