͸Ժ

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Topics - iammu

หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 12
106

สำหรับท่านใดที่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อลำโพงบลูทูธมาใช้งานดีหรือไม่ เรื่องนี้อยากให้ลองไปทำความเข้าใจหาข้อดีกันสักเล็กน้อย เชื่อเหลือเกินว่าจากที่ลังเลใจจะสามารถตัดสินใจได้ทันที ว่าแต่จะมีจุดเด่นอะไร น่าสนใจขนาดไหน ใครใคร่อยากทราบอย่ามัวรอช้ารีบไปดูพร้อมกันกับเราในบทความนี้ได้เลย มีข้อมูลจัดเต็มให้เหมือนเดิม
จุดเด่นที่อยากบอกต่อของลำโพงบลูทูธ รู้แล้วตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น
1. สามารถพกพาไปไหนมาไหนได้
แน่นอนว่าลำโพง Bluetooth เป็นอุปกรณ์ที่ไม่มีสายเชื่อมต่อ แต่ใช้งานเสียงออกมาจริง เพราะฉะนั้นจึงสามารถหยิบพกพาไปวางไว้ที่ไหนก็ได้ สบาย ตั้งในบ้าน นอกบ้าน ไม่เว้นแม้แต่ในห้องน้ำ ช่วยให้ยังคงฟังเพลงอย่างสบายใจได้ แม้กำลังทำกิจกรรมอื่น ๆ อยู่ก็ตาม
2. สามารถกันน้ำได้
ลำโพงประเภทนี้บางแบรนด์ได้ถูกผลิตขึ้นมาให้มีฟังก์ชันกันน้ำ จึงไม่ต้องกลัวว่าเอาไปใช้งานแล้วเผลอทำน้ำหกใส่ หรือถูกน้ำสาดมาจะพังเสียหาย อย่างลำโพง JBL เป็นต้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อยากแนะนำให้ถูกน้ำบ่อย ๆ เนื่องด้วยถึงยังไงก็ยังคงเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า
3. ออกแบบให้เลือกหลากหลาย
แต่ละยี่ห้อก็จะมีลักษณะการดีไซน์ที่แตกต่างกันออกไปซึ่งเราสามารถเลือกใช้งานได้ตรงตามความต้องการ ไม่ว่าจะชนิดยาว วงกลม ชนิดแบน มีหูจับ ฯลฯ ทั้งนี้วัสดุที่ใช้ทำยังแข็งแรงทนทาน สีสันสวยงาม ขนาดเล็กกะทัดรัด พร้อมวางได้ทุกที่ เปิดใช้งานได้ทุกเวลา แน่นอนว่า ลำโพง JBL หรือรุ่นอื่น ๆ มีให้เลือกหลากหลายครบครัน
4. สามารถปรับระดับเสียงได้ด้วย
ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือความสามารถในการปรับระดับเสียง ลำโพง Bluetooth สามารถทำได้ตามความต้องการ อยากได้เสียงดังเท่าใด หรือเสียงเบาแค่ไหน หรือกดปรับได้หมด ที่สำคัญเสียงไม่แตกอีกด้วย เรียกได้ว่ามีความนุ่มนวล ไพเราะ วางตรงไหนก็ได้ยิน
5. สามารถเสียบต่อ USB หรือต่อลำโพงหลายตัวได้
เป็นอีกฟังก์ชันการใช้งานที่หลาย ๆ ยี่ห้อผลิตออกมาให้เราเลือกใช้งาน กับความสามารถในการเสียบต่อ USB ที่จะเพิ่มแบตเตอรี่โทรศัพท์ที่บางครั้งอาจใกล้หมดให้กลับมาใช้งานได้ใหม่ หรือต่อเพิ่มลำโพงอื่น ๆ แบบ Stereo ได้ด้วย เสียงกว้างขวางมากขึ้น ฟังชัดสะใจกว่าเดิม
เป็นอย่างไรกันบ้างกับจุดแข็งของลำโพงบลูทูธ คงช่วยให้การดูหนัง ฟังเพลงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แอบบอกว่าแบตเตอรี่มีความจุพอตัว เปิดใช้งานได้นานตั้่งแต่ 5 - 20 ชั่วโมง ที่สำคัญการชาร์จแบตเตอรี่ก็ใช้เวลาไม่มากด้วย อย่างต่ำก็ประมาณ 2 ชั่วโมง บางยี่ห้อมีกระเป๋าใส่สำหรับพกพาสะดวกยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัวเลอะเปื้อน แบบนี้คงไม่มีใครลังเลอีกต่อไปแล้วจริง ๆ 
ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/TVA0109
 
 

107

ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสถานการณ์โควิด - 19 ค่อนข้างทวีความรุนแรง และยังคงต้องป้องกันตัวให้ห่างไกลจากการติดเชื้อ ซึ่งหลายท่านอาจมีความคิดอยากทำน้ำยาทำความสะอาดที่บ้านแต่ก็ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร สูตรไหน ยากหรือเปล่า เอาเป็นว่าจะไม่ลังเลอีกต่อไป เนื่องด้วยเราได้ไปรวบรวมมาให้ถึง 4 สูตรด้วยกัน แจกให้ไปปรับใช้ตามต้องการ จัดการโควิด - 19 ราบคาบ
1. ทำสเปรย์ฆ่าเชื้อด้วยไฮเตอร์
เริ่มต้นเลยคือการเลือกใช้ไฮเตอร์ ซึ่งมี Sodium Hypochlorite เป็นส่วนผสม ให้ความเข้มข้นที่ 0.01% ทดสอบแล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ภายใน 1 นาที โดยวิธีการให้เตรียมน้ำเปล่ามา 99 มล. จากนั้นก็ผสมด้วยไฮเตอร์ปริมาณ 1 มิลลิลิตร เขย่าให้เข้ากัน แต่กระนั้นไฮเตอร์มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง บริเวณเยื่อบุ และผิวหนังอาจเป็นอันตรายได้ แนะนำให้ใช้กับสิ่งของต่าง ๆ อย่าฉีดโดนผิวโดยตรง
2. ทำสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคด้วยเดทตอล
ต่อมาที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเดทตอล จัดเป็นส่วนผสมที่หาซื้อง่าย และสามารถใช้กับร่างกายได้ไม่เป็นอันตราย (เลือกแบบ Antiseptic-Disinfectant) ซึ่งจะมีส่วนของที่ชื่อ Chloroxylenol ให้ความเข้มข้น 0.12% ทดสอบแล้วว่าสามารถฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ภายใน 1 นาที วิธีการทำไม่ยุ่งยาก ให้เตรียมน้ำเปล่าสะอาดมา 37 มล. แล้วใส่ส่วนผสมลงไป 3 มิลลิลิตร สุดท้ายก็เขย่าให้เท่ากัน แค่นี้ก็ได้น้ำยาฆ่าเชื้อที่ยังคงมีความเข้มข้น 0.12% เท่าเดิมแล้ว
3. ทำสเปรย์ฆ่าเชื้อโรคด้วยไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
ตบท้ายที่ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารนี้มีความเข้มข้นที่ 0.5% ฆ่าเชื้อโควิด - 19 ได้ภายใน 1 นาที วิธีการให้นำน้ำเปล่าสะอาดปริมาณ 82 มล. ผสมกับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ที่เข้มข้น 3% ใส่ลงไปปริมาณ 18 มล. แล้วค่อย ๆ เขย่าผสมให้เข้ากัน เท่านี้ก็จะได้น้ำยาช่วยฆ่าเชื้อโควิด - 19 ปริมาณ 100 มิลลิลิตร
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าเดทตอลจริง ๆ แล้วยังมีแบบ Hygiene Multi-Use Disinfectant อยู่ด้วย แต่จะไม่สามารถใช้ร่วมกับผิวหนัง เยื่อบุต่าง ๆ ได้ เหมาะสมกับการนำมาใช้เช็ดถูภายในบ้าน แช่สิ่งของฆ่าเชื้อโรค และแบคทีเรียอย่าง กรรไกร หวี ฯลฯ วิธีง่าย ๆ ให้ใช้ปริมาณผลิตภัณฑ์ 4.5 ฝา ผสมกับน้ำเปล่าสะอาด 2 มิลลิลิตร ก็สามารถเรียบร้อยแล้ว
ด้วยแต่ละสูตรมักมีความเข้มข้นของสารผสมอยู่สูง จึงควรต้องนำมาเจือจางน้ำเปล่าสะอาดตามสูตรที่บอกไป เพื่อให้ได้น้ำยาทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นอันตรายต่อตัวผู้ใช้งานเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนผสม Dettol ที่ต้องสังเกตให้ดี เพราะว่าหากใช้ผิดอาจเกิดอันตรายต่อผิวหนังอย่างไม่รู้ตัว จึงอย่าใช้สลับกันเด็ดขาด สิ่งสำคัญก่อนใช้ทุก ๆ ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อควรอ่านฉลากคำแนะนำ และใช้ปริมาณเหมาะสมอย่างเคร่งครัด 
สามารถรับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0609
 
 

108

หลายครั้งเวลาใช้งานเครื่องซักผ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งแบบฝาหน้ามักมองข้ามการล้างทำความสะอาด ทั้งที่จริงแล้วนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อช่วยให้เครื่องคงทน ไม่ต้องซื้อเปลี่ยนบ่อย คำถามคือจะล้างยังไง? นี่คงเป็นเรื่องที่หลาย ๆ คนต้องการคำตอบ จึงขอรวบรวมรายละเอียดการล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้ามาให้อย่างครบครัน
เผยวิธีล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้า เรื่องง่าย ๆ ที่ไม่ควรไม่เอาใจใส่
ในการชำระล้างเครื่องซักผ้าชนิดฝาหน้าจะแบ่งการล้างออกเป็น 2 กรณี คือล้างส่วนที่เป็นขอบยาง และล้างส่วนถังซักผ้า โดยสามารถทำได้ทุกแบรนด์ ทุกรุ่น ไม่ว่าจะ เครื่องซักผ้าฝาหน้า Electrolux หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้า lg มีวิธีการล้าง ดังนี้
1. วิธีล้างส่วนที่เป็นขอบยาง
-    สำหรับการชำระล้างส่วนที่เป็นขอบยางให้เริ่มต้นเปิดฝาเครื่องออกมากว้าง ๆ ต่อไปง้างขอบยางรอบ ๆ ออกมา (ซึ่งต้องบอกว่าขอบยางนี้จะยึดกับเครื่อง ไม่สามารถถอดออกมาได้ แต่สามารถง้างกว้าง ๆ ได้) ทั้งนี้ ควรเก็บขยะที่กรอกเอาไว้ในช่องมุมซ้ายของเครื่องออกเดือนละ 1 ครั้งด้วย ไม่ทำให้มีเศษผ้าหรือก้อนผงซักฟอก ก้อนน้ำยาซักผ้าหลงเหลือตกค้าง
-    เก็บสิ่งสกปรกออก ไม่ให้หลงเหลือใด ๆ ซึ่งสิ่งที่อยากแนะนำ คือบรรดาของมีคมเป็นอันตรายต่อขอบยางเวลาซักหมุน จึงควรเช็คตามเสื้อผ้าให้ดี ไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมนี้ติดอยู่ ได้แก่ ตะปู กิ๊บติดผม คลิปหนีบกระดาษ เหรียญ ฯลฯ
-    ล้างทำความสะอาดอย่างหมดจด ด้วยการเช็ดที่ขอบยาง อาจเป็นเส้นผม หรือขนสัตว์ที่เลี้ยง เก็บอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 - 2 ครั้ง
-    ห้ามลืมจัดการเชื้อราที่เห็นเป็นจุดดำ ๆ ด้วยการฉีดพ่นขอบยางด้วยน้ำอุ่นที่ผสมน้ำยากำจัดเชื้อโรคโดนเฉพาะ หรือน้ำยาล้างจาน แล้วเช็ดทำความสะอาด
2. วิธีล้างถัง
ไม่ว่าจะเครื่องซักผ้าฝาหน้า Electrolux หรือเครื่องซักผ้าฝาหน้า lg สามารถล้างได้โดยการโรยเบคกิ้งโซดา 1/3 ถ้วยตวงลงด้านในของถัง หรือใช้น้ำยาฟอกขาว 2 ถ้วยตวงเทใส่ในช่องจ่ายน้ำยา แล้วเปิดเครื่อง wash และ rinse cycle จนจบ ไม่ต้องใส่อะไรอีกแต่ให้เปิด rinse ทิ้งไว้ ที่สำคัญคือการลางถาดใส่น้ำยา ให้ดึงออกมาแล้วนำไปแช่น้ำอุ่น จากนั้นใช้น้ำยาทำความสะอาดฉีดพ่น เช็ดให้สะอาดแล้วสอดกลับที่เดิม และอย่าลืมเช็ดเครื่องซักผ้าด้านนอก ขจัดฝุ่นผ้า ขี้ผง หรือขน / เส้นผมที่เกาะด้วย
จะเห็นได้ว่าวิธีการล้างเครื่องซักผ้าฝาหน้ามีด้วยกันหลายวิธี และต้องเอาใจใส่ล้างให้ครอบคลุมทั้งตัวขอบยางและตัวถังเครื่อง ซึ่งหลังจากนี้เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านจะทำได้อย่างดีเยี่ยม หมั่นทำเสมอๆ ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาด ยืดอายุการใช้งานไปในตัว
สามารถรับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP130301
 

109


เมื่อซื้อเครื่องใช้ในครัวเรือนก็ต้องการจะให้แข็งแรงทนทาน ใช้กันไปนาน ๆ อย่างชุดโต๊ะกินข้าวเองก็เช่นกัน ซึ่งอันที่จริงเครื่องเรือนนี้สามารถดูแลรักษาได้ เพียงแค่ต้องเข้าใจหลักการที่เหมาะสม คำถามคือจะดูแลเช่นใด? นี่คงเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนต้องการหาคำตอบ และเราอยากบอกว่าที่นี่มีข้อมูลมาให้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว
4 ทริคดูแลชุดโต๊ะกินข้าว ยืดอายุการใช้งานยาวนาน
1. กำจัดทุกสิ่งสกปกและวางของให้เป็นระเบียบ
การดูแลทริคแรกไม่ว่าจะเป็นโต๊ะกินข้าวไม้ หรือโต๊ะใดก็ตาม ควรกำจัดทุกสิ่งสกปรกให้ออกไป ทั้งเศษขยะที่แกะเปลือกแล้ววางทิ้งไว้ เศษขนมที่หก หรือที่ยังไม่แกะแต่ดูแล้วรกหูรกตา เอาออกไปให้หมดเลย ทั้งนี้ ควรจัดวางสิ่งของอย่างเป็นระเบียบ บางบ้านมีการวางจาน ชาม หรือตะกร้าเก็บช้อนส้อมชิดมุมใดมุมหนึ่ง เพื่อให้ยังมีที่พอกินข้าว
2. ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดทุกหนหลังกินเสร็จ
เมื่อเรากินข้าวร่วมกันบนโต๊ะกินข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้นำผ้าชุบน้ำ บิดจนแห้งหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาดโต๊ะให้เรียบร้อย เอาสิ่งสกปรก คราบใหม่ออกให้หมด แนะนำว่าเช็ดไปทิศทางเดียวแล้วเช็ดซ้ำ ต่อไปก็ปล่อยทิ้งไว้จนแห้งเอง ไม่ทำให้เกิดคราบแน่นฝังลึกไปได้ 
3. ใช้แปรงสีฟันมาขัดจุดที่เป็นคราบฝังลึก
แต่หากบ้านไหนโต๊ะกินข้าวเกิดเป็นคราบฝังลึกเรียบร้อยแล้วล่ะก็ แนะนำแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาจุ่มน้ำให้ชุ่มขัดถูจุดที่เป็นคราบฝังลึกออกจนหมด ช่วยให้คราบออกหมดเกลี้ยงถาวร แล้วก็ระวังอย่าเกิดคราบฝังลึกอีก อย่างไรก็ดี วิธีนี้ไม่แนะนำให้ใช้กับโต๊ะที่เป็นไม้เด็ดขาด เหตุเพราะจะทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้
4. ใช้สบู่กับโต๊ะกินข้าวไม้
โต๊ะกินข้าวไม้ไม่สามารถใช้ได้กับแปรงสีฟังมาขัด หรือน้ำยาทำความสะอาด ก็เพราะว่าจะทำให้เกิดรอยข่วน สีจางซีด แนะนำว่าเลือกใช้สบู่แทน โดยการนำผ้าไปชุบน้ำสบู่แล้วถูขัดคราบอาหารต่าง ๆ ออก บอกเลยว่าหลุดออกไปอย่างสะดวกมาก ไม่มีให้เห็นรำคาญตา
ชุดโต๊ะกินข้าวเสมือนจุดพักผ่อน เพิ่มพลังให้กับตัวเองและคนในครอบครัว ด้วยเหตุนั้น การดูแลรักษาความสะอาดจุดสร้างความสุขแบบนี้จึงสำคัญ และหวังว่าทริคทั้ง 4 จะช่วยให้โต๊ะของท่านสะอาดเรียบร้อย ยืดอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้น ไม่ต้องเสียเงินซื้อใหม่อยู่เรื่อย ๆ ซึ่งหากต้องการบอกต่อทริคเหล่านี้คุณสามารถทำได้ทันที เรายินดีอย่างมาก แล้วเรามามีโต๊ะที่ใช้งานได้ยาวนานไปด้วยกันนะ
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/FUR0403

110

เพื่อน ๆที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรซื้อเครื่องอบผ้ามาใช้งาน หรือจะเอาผ้าไปตากกับแสงแดด ไม่ต้องเปลืองไฟ สิ้นเปลืองเงิน เอาเป็นว่าท่านไหนที่กำลังสับสนเช่นนี้ อยากให้ลองมาศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับข้อดี - ข้อเสีย ของการใช้เครื่องอบ VS ตากกับแสงแดดที่เราจะพูดถึงนี้ดู รับประกันว่าการตัดสินใจจะง่ายขึ้น
จุดเด่น - จุดด้อยของเครื่องอบผ้า VS ตากกับแสงแดด 
1. การตากกับแสงแดด
จุดแข็ง
ขอเริ่มต้นกันที่การตากกับแสงแดด แน่นอนว่าหากเราตากกับแสงแดดที่จัดก็จะทำให้เสื้อผ้าแห้งรวดเร็วมาก แถมยังได้กลิ่นหอมธรรมชาติของแดดเพิ่มเติม ช่วยให้แขนได้ออกกำลังกาย รวมถึงประหยัดพลังงาน ไม่สิ้นเปลืองค่าไฟฟ้า 
จุดด้อย
แต่เสื้อผ้าที่มีสีสันมาก ๆ เมื่อถูกแสงอาทิตย์จัดก็จะทำให้เนื้อสีซีดลง ผ้ากรอบ รีดยาก เพราะสีและเนื้อผ้าด้านนอกถูกทำลาย ที่สำคัญฝนตกก็ต้องีรบวิ่งมาเก็บ แถมยังเจอกับฝุ่น ควัน แฝงในเส้นใยผ้า ใครอยู่คอนโดพื้นที่น้อยก็คงทำให้การอยู่อาศัยแคบลงไปอีก 
2. การใช้เครื่องอบผ้า
ข้อดี
เมื่อใช้เครื่องประเภทนี้ก็หมดกังวลกับสภาพอากาศที่ 1 วันเปลี่ยนแปลงบ่อย เช้าแดดออก บ่ายฝนตก สามารถวางแผนการซักได้ ไม่ต้องรอแสงแดด นอกจากนี้ยังเหมาะสมกับบ้านไม่มีพื้นที่ตาก รวมถึงช่วยให้เสื้อผ้าไม่กักเก็บฝุ่น ควัน มลพิษทางอากาศ บ้านไหนมีคนที่เป็นภูมิแพ้ เด็กเล็กตอบโจทย์มาก ลดเสี่ยงผ้าเกิดเชื้อรา หรือสะสมเชื้อแบคทีเรีย ไม่ต้องเปลืองแรงแขน ได้เสื้อผ้าที่นุ่มกว่าตากแสงแดด แถมปัจจุบันมีให้เลือกหลายแบรนด์ หลายรุ่น ฟีเจอร์ครบครัน อย่างเช่น เครื่องอบผ้า Electrolux ไม่ต้องรอนานใช้เวลา 1 - 2 ชั่วโมง ก็พร้อมใส่ทันที 
จุดด้อย
อย่างไรก็ตามการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้ต้องเปลืองค่าไฟฟ้าอยู่บ้าง และเครื่องอบผ้า ราคาค่อนข้างสูง (แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าก็ได้อยู่เหมือนกันนะ)
สำหรับเครื่องอบผ้ายุคใหม่มีให้เลือกทั้งแบบเครื่องเป่าร้อน และระบบควบแน่น หลายรุ่นก็มีฟีเจอร์พิเศษ ดังเช่น เครื่องอบผ้า Electrolux ที่สามารถตั้งเวลาล่วงหน้าได้, ระบบตรวจวัดความชื้นผ้า, ระบบการหมุนสลับไปมาช่วยถนอมเนื้อผ้า, ไม่ทำให้เสียทรง, ลดรอยยับ, มีสัญญาณเตือนทำความสะอาดตัวกรอง ฯลฯ สามารถใช้งานในพื้นที่แคบอย่าง คอนโดฯ ทาวน์เฮาส์ ได้ดี
มาถึงตรงนี้ จะเห็นได้ว่าทั้งการตากกับแสงแดด และใช้เครื่องช่วยอบผ้ามีความแตกต่างกันอยู่ คุณ ๆสามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและความเหมาะสมจากปัจจัยต่าง ๆ โดยใครที่สนอกสนใจเลือกใช้เครื่องช่วยอบผ้า อยากทราบว่าเครื่องอบผ้า ราคาเป็นอย่างไร จริง ๆ แล้วราคาจะแตกต่างกันไปตามฟีเจอร์ ขนาดถัง ความจุรอบผ้า ฯลฯ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP1302
 

111


คงเป็นเรื่องปกติของคนมีเอกสารมาก หรือสำนักงานที่ต้องเก็บเอกสารหลายอย่างจำเป็นต้องมีตู้เอกสารไว้ใช้งาน แต่ถึงอย่างไรก็คงมีความสงสัยกันพอควรว่าโดยความเป็นจริงอุปกรณ์ชนิดนี้มีกี่ประเภท แต่ละประเภทมีข้อดี-ข้อเสียยังไง? บทความนี้จึงขอพาทุก ๆ คนไปทำความรู้จักพร้อมกัน เพื่อการเลือกใช้งานที่เหมาะสมคุ้มค่า ตอบโจทย์ต่อตนเอง
ประเภทและข้อดี - ข้อเสียของตู้เอกสาร 
ตู้เก็บเอกสารมีให้เลือกเป็นแบบแนวตั้ง และแนวนอน ขนาด การออกแบบเป็นไปตามรูปแบบทั่วไปหรือจะให้ดีไซน์เฉพาะตัวก็ไม่มีปัญหา สามารถเก็บได้ทั้งจดหมาย เอกสาร A4 หรืออื่น ๆ มีด้วยกัน 4 ประเภท ดังนี้
1. ตู้เก็บเอกสารแบบลูกรอก
หลายคนอาจเพิ่งเคยได้ยินได้ฟังกับชื่อประเภทของตู้ช่วยเก็บเอกสารนี้ มีลักษณะเป็นการใช้ระบบกลไกอย่างลูกรอกในการช่วยเก็บ ประหยัดพื้นที่ใช้สอย เก็บเอกสารได้เยอะ กรณีต้องการหยิบมาใช้งานก็หมุนลูกรอกให้เลื่อนลงมาหรือแยกออกจนเกิดช่องว่าง เป็นต้น แต่หากลูกรอกชำรุด เสียหาย ก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนที่มีราคาสูง และใช้เวลาซ่อมนาน 
2. ตู้เก็บแบบชั้นวางอิสระ
เป็นอีกแบบที่หลายแห่งเลือกใช้ ลักษณะของชั้นวางแต่ตู้มีประตูกระจกปิดได้ มีชั้นวางเรียงต่อหรือซ้อนกันขึ้นไป ไม่มีอะไรมาบัง สามารถเปิดประตูชั้นแล้วหยิบเอกสารออกมาได้เลย ราคาไม่แพง และสามารถขยายเพิ่มได้ แต่กระนั้นไม่แนะนำให้เก็บเอกสารสำคัญ เพราะสามารถมองเห็นรายละเอียดได้หมด แถมใครเกิดซุ่มซ่ามชนกระจกแตกบาดเจ็บอีก
3. ตู้เอกสารเหล็ก
เป็นแบบตู้ที่ได้รับความนิยมอย่างมากกับตู้เอกสารเหล็ก มีให้เลือกทั้งแบบแนวตั้งขนาดสูงใหญ่ มีประตูปิดมิชิด และแบบแนวนอนเป็นประตูเลื่อนเปิด - ปิด มีความทนทาน แข็งแรง เสียหายได้ยากที่สุด แต่หลาย ๆ คนอาจเกิดปัญหาตู้ขึ้นสนิมได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ไปนาน ๆ ผ่านการตากแดด ตากลม หรือฝนสาดเข้ามาบ่อย ทั้งยังมีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายยาก
4. ตู้ช่วยเก็บเอกสารแบบไม้
ปิดท้ายกันที่ตู้เก็บเอกสารแบบไม้ที่มีดีไซน์ให้เลือกทันสมัย เนื้อไม้มีหลายประเภท ไม่ว่าจะไม้เนื้อแข็ง หรือไม้เนื้ออ่อน มีความสวยงามโดยเฉพาะลายไม้ที่คาดไม่ถึง เหมาะกับคนไม่ได้เก็บเอกสารเยอะ เน้นสวยงาม ซึ่งราคาก็จะสูง และมีอายุการใช้งานน้อยกว่าแบบเหล็กด้วยเหตุว่าเมื่อถูกความชื้นเนื้อไม้เสี่ยงบวม เผลอ ๆ ถูกปลวกขึ้น

หลังจากนี้เชื่อเลยว่าทุก ๆ คนที่ต้องการเก็บเอกสารจะสามารถเลือกซื้อเลือกหาตู้เอกสารได้อย่างเหมาะสม คุ้มค่า ตอบโจทย์การใช้งานอย่างที่สุด ซึ่งปัจจุบันงานเอกสารยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ดังนั้น เพื่อการเก็บที่ราบรื่น ไม่มีปัญหาเอกสารหาย หาไม่เจอตามมาภายหลังหาซื้อให้ไวเลยดีสุด
ดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1003

112


ยุคปัจจุบันด้วยลมฟ้าอากาศที่ไม่ปลอดภัย มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจไม่ว่าจะเป็น ควัน มลภาวะต่าง ๆ ไปจนถึงฝุ่น PM 2.5 ทำให้ “เครื่องฟอกอากาศ” เปลี่ยนเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต้องใช้งานอย่างมากกับคนยุคนี้ แต่จะว่าไปเหตุผลที่ควรมีไว้ช่วยสร้างความอุ่นใจเรื่องสุขภาพอย่างไรบ้าง? จะพาไปเจาะลึกในบทความนี้เพื่อคลายข้อสงสัยดังกล่าว
เหตุที่เราต้องมีเครื่องฟอกอากาศไว้ใช้งานที่บ้าน
1. เครื่องกรองอากาศ “ช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้เกิดโรคภัย”
แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าชนิดนี้จะช่วยให้อากาศมีความเป็นบริสุทธิ์มากขึ้น กรองสิ่งต่าง ๆ ให้ออกไปในบริเวณที่อยู่ ระบบทางเดินหายใจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น ไม่มีโรคภัยเกิดตามมาง่าย ๆ 
2. เครื่องช่วยกรองอากาศ “ช่วยให้การทำงานของปอดดีขึ้น”
ในแต่ละวันใครต่อใครต้องพบเจอกับมลพิษทางกาศทั้ง ฝุ่น ควัน มลภาวะต่าง ๆ อย่างแสนสาหัส เมื่อกลับมาบ้านก็ควรมีอากาศที่ดีสูดหายใจเข้าปอดไปบ้าง แน่นอนว่าเครื่องช่วยกรองอากาศจะทำให้ปอดทำงานได้ดียิ่งขึ้น ร่างกายไม่เป็นอันตราย ส่งผลถึงสุขภาพที่แข็งแรงใน ซึ่งปัจจุบันแต่ละแบรนด์ก็มีฟังก์ชันน่าสนใจ อย่างเช่น เครื่องฟอกอากาศ sharp ที่สามารถพ่นอนุภาคไฟฟ้าแบบประจุบวกและลบมาฆ่าเชื้อรา เชื้อโรค หรือเชื้อแบคทีเรีย ไปจนถึงเชื้อไข้หวัดนก ฝุ่น PM 2.5 ได้ 
3. เครื่องกรองอากาศ “ช่วยลดอาการภูมิแพ้”
ท่านใดที่มีโรคประจำตัวเป็นภูมิแพ้โดยเฉพาะภูมิแพ้อากาศ แนะนำว่าต้องมีเครื่องนี้ติดตั้งไว้เลย เพราะจะช่วยดักจับบรรดาไรฝุ่น ละอองฝุ่น สาเหตุหลักทำให้คนเป็นโรคภูมิแพ้เกิดอาการระคายเคือง เมื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ด้วยฟังก์ชัน นวัตกรรม ของแต่ละแบรนด์ก็จะช่วยจัดการได้อย่างดี อาการภูมิแพ้ทุเลาลง เช่นอย่างที่บอกเครื่องฟอกอากาศ sharp มีฟังก์ชันที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะเซ็นเซอร์ตรวจจับกลิ่น ละออง ความชื้น สลายบรรดากลิ่นอับที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้จากไรฝุ่นในห้อง
4. เครื่องกรองอากาศ “ช่วยให้เราพักผ่อนนอนหลับสบายใจ”
ใครที่มีปัญหานอนไม่หลับ นอนหลับไม่สนิท หลับยาก หลับ ๆ ตื่น ๆ อ่อนเพลียอยู่ตลอด จริง ๆ แล้วอีกสาเหตุก็มาจากภูมิอากาศ และฝุ่นละออง ด้วยเหตุนั้นควรมีเครื่องนี้ไว้เพื่อให้ทำหน้าที่ดูแลปัญหาในอากาศ และปรับระดับความบริสุทธิ์ดียิ่งขึ้น ช่วยให้ท่านพักผ่อนนอนหลับสบายใจ ส่งผลต่อสุขภาพแข็งแรงยิ่งกว่าเดิม
ด้วยสาเหตุข้างต้นนี้คงจะช่วยให้คุณสามารถตกลงใจเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศอย่างไม่ลังเล เพื่อช่วยสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี กับช่วงเวลาของภูมิอากาศไม่ปลอดภัยเช่นนี้ ถึงอย่างไรประเทศไทยเรามีตัวเลือกหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น ควรศึกษาฟังก์ชันการใช้งานให้ละเอียด พร้อมเปรียบเทียบหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ตนเองเท่านั้น
รับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP02

113


การซักผ้าคือสิ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันอยู่แล้ว แน่นอนว่าท่านไหนที่ไม่ต้องการเสียเวลา หรือเปลืองแรงแขนก็อยากเลือกใช้เครื่องซักผ้าโดยเฉพาะเครื่องซักผ้า 2 ถัง แต่กระนั้นจะรีบตัดสินใจเลือกซื้อเลือกหาเลยเห็นทีคงไม่ดีแน่ ก็เพราะว่ามีโอกาสเสี่ยงใช้งานสินค้าไม่ตอบโจทย์ ด้วยเหตุนั้น การทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อเลือกหาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
4 สิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกซื้อเครื่องซักผ้า 2 ถัง
1. ความจำเป็นในการใช้งาน
แน่นอนว่าราคาเครื่องซักผ้า 2 ถังเป็นอีกประเภทที่ได้รับความนิยม สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาคือความจำเป็นในการใช้งาน ว่าในทุกวัน ทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือนซักผ้ากันกี่ครั้ง ซักบ่อยหรือเปล่า หรือใครที่อยากประหยัดเวลา ต้องการเอาเวลาไปทำอย่างอื่นพร้อมกับการซักผ้าด้วย ไม่อยากออกแรงแขนมาก แบบนี้คือมีความจำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ
2. เปรียบเทียบแบรนด์หาความคุ้มค่าที่สุด
ปัจจุบันเครื่องซักผ้าประเภท 2 ถังมีหลากหลายแบรนด์ดีไซน์มาให้ใช้งาน ที่สำคัญมีฟังก์ชันการทำงานที่แตกต่างกันออกไป จึงควรเรียนรู้ข้อมูลต่าง ๆ ของแต่ละเครื่อง เพื่อเปรียบเทียบหาความคุ้มค่าที่สุดให้กับตนเอง ดูว่าชนิดไหนที่จะตอบโจทย์มากที่สุด หมดห่วงความสงสัยเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดีไปได้
3. ศึกษาฟังก์ชันการใช้งาน
อย่างที่บอกว่าหลายยี่ห้อผลิตออกมาและมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะ จนหลาย ๆ ท่านอาจสงสัยเครื่องซักผ้า 2 ถัง ยี่ห้อไหนดี แต่จริง ๆ เราควรทำความเข้าใจเรื่องฟังก์ชันเป็นสำคัญด้วย เพื่อดูว่าฟังก์ชันไหนทำงานอย่างไร สร้างความเข้าใจในการใช้งานแต่เนิ่น ๆ ทั้งนี้จะไปสอดคล้องกับเรื่องของความจำเป็นในการใช้งาน เพราะว่าหากไม่จำเป็นซื้อมาก็เปล่าประโยชน์ แถมราคาอาจสูงกว่าอุปกรณ์อื่นที่ตอบโจทย์กว่าก็ได้
4. หากจะซื้อออนไลน์ต้องเลือกแหล่งที่ไว้ใจได้
ในการเลือกซื้อเลือกหาสินค้าปัจจุบันเราสามารถกดสั่งผ่านออนไลน์ได้ ซึ่งมีหลากหลายแหล่งให้เลือกอีกเช่นกัน จึงอยากบอกว่าให้เลือกดูแหล่งที่น่าเชื่อถือไว้ใจได้จะดีกว่า อาจดูจากระยะเวลาการขายสินค้าผ่านออนไลน์ การลงรายละเอียดต่าง ๆ ทั้งฟังก์ชัน ขนาด ความจุถัง ราคาเครื่องซักผ้า 2 ถัง หรือจะเป็นรีวิวจากลูกค้าคนก่อน ๆ ที่ซื้อสินค้าจากร้านไป แล้วมารีวิวว่าได้รับสินค้ารวดเร็วแค่ไหน เพื่อให้การกดสั่งเป็นไปอย่างสบายใจ ราบรื่น
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนตกลงใจเลือกซื้อเลือกหาเครื่องซักผ้า 2 ถังมาใช้งาน สร้างความเหมาะสม ตอบโจทย์ต่อตัวเอง และหากท่านไหนมีความต้องการอยากส่งต่อข้อมูลดี ๆ เหล่านี้ก็สามารถทำได้ทันที เรายินดีเป็นอย่างมาก เพื่อเสื้อผ้าที่สะอาด ประหยัดเวลาตนเอง
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/APP130304

114


ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคอนโดคือที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมมาก แน่นอนว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าสำคัญต้องมีเพื่อทำความสะอาดเสื้อผ้า ชุดต่าง ๆ คงหนีไม่พ้น “เครื่องซักผ้า” แต่ถึงกระนั้นบางคนอาจสงสัยว่าควรจะเลือกอย่างไรให้เหมาะ ตอบโจทย์กับพื้นที่ และการใช้งานมากที่สุด ขอพาไปศึกษาในบทความนี้กันเลย
เครื่องซักผ้าใช้งานในคอนโด เลือกเช่นไรให้เหมาะสม ตอบสนอง
1. ขนาดและจำนวนถัง
ด้วยความที่คอนโดมีเนียมมีพื้นที่จำกัดการเลือกจึงควรเป็นเครื่องขนาดเล็ก น้ำหนักไม่ต่ำกว่า 4 - 5 กก. ส่วนของถังต้องเข้าใจว่ามีให้เลือกแบบถังเดี่ยวคือระบบ 2 in 1 ที่ทั้งซักและปั่นแห้งได้ เหมาะสมกับซักผ้าขนาดเล็ก ย้ายไปที่อื่นได้ และถังคู่ที่ใช้งานได้เหมือนเครื่องซักผ้ารุ่นใหญ่ แต่น้ำหนักก็จะเยอะ เคลื่อนย้ายลำบาก ซึ่งราคาเครื่องซักผ้าระบบ 2 in 1 ก็จะถูกกว่า
2. เลือกจากความเร็วรอบหมุน 
โดยทั่วไปแล้วหากเป็นเครื่องขนาดเล็กก็จะมีความเร็วหมุนที่เหมาะสม 400 รอบต่อนาที ซึ่งความเร็วรอบเท่านี้ถือว่าตอบโจทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน หรือตัว เครื่องซักผ้า lg ก็ออกแบบมาช่วยเรื่องประหยัดไฟฟ้า แต่ต้องเข้าใจว่าความเร็วหมุนไม่ได้ช่วยให้เสื้อผ้าสะอาด ต้องอาศัยโหมดการซักเพื่อขจัดสิ่งสกปรกออกให้หมดจดด้วย
3. ดูเรื่องกำลังไฟ
เครื่องที่มีขนาดเล็ก กำลังไฟ (วัตต์) จะต่ำ ซึ่งมาตรฐานควรอยู่ที่ 90 วัตต์ขึ้นไป แต่เรื่องของกำลังไฟก็จะสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการทำงาน กำลังไฟน้อยรอบหมุนก็จะน้อย มีผลต่อความสะอาดของเสื้อผ้า เมื่อลองเปรียบความประหยัดไฟแล้วเครื่องขนาดเล็กใช้ในคอนโดมีเนียมใช้งานต่อวัน 30 นาที ค่าไฟ 116.48 บาท หรือประมาณ 32.4 ยูนิต ซึ่งตรงนี้เครื่องซักผ้า lg เหมาะกับการใช้งาน เหตุเพราะมีกำลังไฟที่เหมาะสม และมีโหมดช่วยประหยัดไฟได้
4.  ฟังก์ชันการใช้งาน
ปัจจุบันยี่ห้อต่าง ๆ ได้ออกแบบให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายขึ้น นอกจากเรื่องของระบบ 2 in 1 หรือถังเดียวแล้ว ก็ยังมีเรื่องของการแยกซัก ปั่นแห้ง อบแห้ง หรือบางรุ่นมีช่องใส่ผงซักฟอกและน้ำยาปรับ ใช้งานได้สะดวก แนะนำว่าควรเลือกตามที่ชื่นชอบ พอเหมาะกับการใช้งาน และมีความเหมาะสมกับราคาเครื่องซักผ้าที่ต้องเสียไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะเลือกเครื่องซักผ้าที่พอเหมาะกับการใช้งานในคอนโดแล้ว ก็อย่าลืมเรื่องของผงซักฟอก หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มที่ควรต้องใส่ใจ เอาที่ใช้แล้วไม่เกิดการแพ้ ระคายเคือง หรือกำจัดสิ่งสกปรกได้เต็มประสิทธิภาพ ที่สำคัญต้องหมั่นดูแลรักษาให้ดีเพื่อยืดอายุการใช้งาน ไม่ต้องเสียเงินเสียทองซ่อมหรือซื้อใหม่บ่อย ๆ
สามารถดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP1303

115

เรื่องของขยะนับว่าเป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ ซึ่งยุคปัจจุบันก็มีหลากหลายยี่ห้อผลิตถังขยะออกมาให้เลือกใช้งานตามความเหมาะสมในการทิ้ง และหากคุณ ๆกำลังสงสัยอยู่ว่าจะซื้อใช้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบมาสร้างความเข้าใจ แอบกระซิบว่าขอแถมแทคติกลด - จัดการขยะก่อนทิ้งให้ไปศึกษาเพิ่มเติมด้วย รับรองช่วยโลกได้อีกเยอะแน่ ๆ
4 ถังขยะที่ควรทำความเข้าใจ เพื่อการเลือกซื้อเลือกหาที่ตอบโจทย์
1. ถังใส่ขยะทั่วไป
ถังใส่ขยะแบบทั่วไปเป็นขยะที่ย่อยสลายยากแต่ก็ไม่คุ้มค่ากับการไปรีไซเคิลใหม่ ได้แก่ ซองลูกอม ทิชชู ซองบะหมี่ พลาสติก ซองขนม หลอด ฯลฯ ซึ่งหลากหลายยี่ห้อก็ผลิตมาขายเป็นแบบมีที่เหยียบเปิดฝา หรือเป็นแบบรถเข็นได้ มีหลากสี หลายขนาดให้ได้เลือก
2. ถังขยะแยกประเภท 
ต่อมาเป็นถังถังขยะแยกประเภท ซึ่งจะดีไซน์มาให้สามารถใส่ขยะแบบแยกประเภทต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะขยะมีพิษ ชยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ฯลฯ ทั้งนี้ อาจซื้อแยกสีไปใส่ไว้หลายถังเพื่อให้คนอื่น ๆ ได้ทิ้งขยะไปตามสีของถัง สะดวกต่อการคัดแยก ไม่ต้องเสียเวลา
3. ถังขยะรีไซเคิล
ขาดไม่ได้เลยจริง ๆ กับถังขยะรีไซเคิลที่หลากหลายยี่ห้อผลิตออกมาให้ได้เลือกกัน โดยตัวถังจะมีความทนทาน มีฝาปิด สามารถเลือกสี เลือกการออกแบบ รวมถึงจะใช้ล้อเลื่อน ตั้งพื้นธรรมดา หรือเหยียบเพื่อเปิดฝาขึ้นได้หมด เป็นส่วนใหญ่จะเป็นขยะอย่างขวด เศษแก้ว กระป๋องน้ำผลไม้ เศษกระดาษ ถุงพลาสติก กล่องเครื่องดื่มต่าง ๆ ฯลฯ แต่ถ้าอยากให้เข้ากับประเภทจริง ๆ เลือกถังสีเหลืองไปเลย
4. ถังขยะอัจฉริยะ
สุดท้ายเป็นถังขยะอัจฉริยะที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการในยุค 4.0 และโควิด - 19 เป็นอย่างดี ไม่ต้องไปสัมผัสใด ๆ ขอแค่ยืน หรือยื่นขยะ เลเซอร์ตรวจจับก็จะเปิดฝาให้อัตโนมัติ เป็นต้น สามารถเลือกมาใช้งานในบ้านได้ จะใส่ขยะประเภทไหไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดี แต่ละยี่ห้อก็ผลิตถังใส่ขยะประเภทนี้ในฟีเจอร์ต่าง ๆ มาแตกต่างกัน
มาถึงตรงนี้คงต้องบอกถึงเทคนิคลด - จัดการขยะก่อนทิ้ง อย่างแรกสามารถเปลี่ยนไปใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกได้ ดื่มน้ำกับขวดหรือเทใส่แก้วเพื่อลดการใช้หลอด เลี่ยงการใช้วัสดุที่จัดการยาก ดังเช่น จากที่ใช้กล่องโฟมก็ให้เปลี่ยนมาเป็นแก้วหรือจานกระดาษ หรือเลือกใช้สิ่งที่สามารถนำกลับมาซ่อมแซมแล้วใช้ใหม่ได้ อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ชำรุด หรือเสื้อผ้า เป็นต้น หวังว่ารายละเอียดเรื่องถังขยะเหล่านี้จะสร้างความเข้าอกเข้าใจให้ทุก ๆ คน และพร้อมซื้อใช้งานโดยสั่งผ่านออนไลน์ สะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาเดินทาง
เข้าดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Website : https://www.homepro.co.th/c/HHP0502

116


ตกเป็นไอเท็มสำคัญที่ต้องพกไปด้วยเมื่อต้องออกจากบ้านสำหรับ “หน้ากากอนามัย” ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะแบบผ้า แบบทางการแพทย์ N95 ฯลฯ แต่อย่างไรแล้วแต่ละประเภทย่อมมีประสิทธิภาพด้านการป้องกันที่แตกต่างกัน จึงจะมาเสนอแนะให้อย่างหมดเปลือก พร้อมแถมวิธีสวม - ถอดที่ถูกต้องเพิ่มเติมให้ด้วย
หน้ากากอนามัยแต่ละลักษณะมีประสิทธิภาพการป้องกันเช่นไร?
1. หน้ากากทางการแพทย์
หรือที่รู้จักกันดีว่ามาสก์สีเขียว ผลิตจากพลาสติกพอลิโพรไพลีน มีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัส เชื้อแเบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นขนาดเล็ก หาซื้อได้ง่าย สนนราคาไม่แพงมากเฉลี่ย 2.5 บาทขึ้นไป ช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อที่มาจากสารคัดหลั่งคนสู่คน แต่หากขนาดไม่พอดีกับหน้ามีโอกาสเลื่อนหลุดง่าย ต้องใช้มือมาสัมผัส ทำให้เสี่ยงติดเชื้อมากขึ้น
2. หน้ากาก หน้ากาก N95
ต่อมาเป็นหน้ากากชนิด N95 ที่สามารถป้องกันไวรัสได้ถึง 95% ทำจากโพลีโพรพีลีน มีประสิทธิภาพการป้องกันเกี่ยวกับไวรัส เชื้อแบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นละอองขนาดเล็กไปจนถึงเชื้อโควิด - 19 ได้ดี แต่จะกระชับหน้ามาก เพิ่มความอึดอัดเวลาใส่ ใส่แล้วพับเก็บยาก ด้วยเหตุว่าลักษณะเป็นฝาครอบ
3. หน้ากากแบบผ้า
สำหรับหน้ากากผ้าใช้วัสดุทำหลากหลาย ทั้งใยสังเคราะห์ ผ้าฝ้าย ฯลฯ ราคาจึงแตกต่างกันออกไป สามารถนำมาซักใช้งานซ้ำได้ มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ละอองเกสร และฝุ่นเท่านั้น มีหลายสีหลายลายให้เลือกใช้ แต่จะไม่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 หรือฝุ่นที่มีขนาดเล็ก ๆ ได้ 
4. หน้ากากแบบคาร์บอน
ส่งท้ายด้วยหน้ากากแบบมีชั้นกรองคาร์บอนที่ประสิทธิภาพจะเหมือนกับหน้ากากทางการแพทย์ คือความสามารถการป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส ละอองเกสร และฝุ่นละอองขนาดเล็ก แต่ที่ต่างคือสามารถป้องกันกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ดี ต้องสังเกตว่าสีที่เห็นเป็นการเสริมชั้นกรองคาร์บอน หรือแค่สีสันที่คล้ายหน้ากากทางการแพทย์ เพราะไม่อย่างนั้นประสิทธิภาพการป้องกันจะต่ำลงกว่าเดิม
สอนวิธีสวม - ถอดหน้ากากที่ถูกต้อง
ในส่วนของการใส่และถอดที่ถูกวิธีนั้นไม่ว่าจะ หน้ากาก N95 หน้ากากผ้า หรือหน้ากากใด ๆ ก็ตาม ต้องเริ่มต้นจากการล้างมือให้สะอาด ต่อไปให้สวมหน้ากากปิดทั้งปาก จมูก โดยดึงลงให้ถึงใต้คาง กรณีเป็นหน้ากากทางการแพทย์ หรือหน้ากากคาร์บอน ให้กดเหล็กดามลงที่สันจมูกด้วย 
สำคัญมากคือพยายามไม่สัมผัสโดยตรงกับหน้ากากระหว่างวัน หากต้องสัมผัสให้ล้างมือด้วยเจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ สบู่+น้ำทุกครั้ง หากชื้นต้องถอดออกและใส่อันใหม่ทันที การถอดออกต้องถอดจากด้านหลัง แล้วทิ้งในถังขยะแบบปิด
ในยุคที่เราทุกคนต้องดูแลตัวเองอย่างดีที่สุดให้ห่างไกลจากความเสี่ยงแพร่ - รับเชื้อโควิด - 19 เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นอีกอย่างที่สำคัญ ด้วยเหตุนั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับเลือกสวมใส่ - ถอดอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามไปได้
สามารถดูสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/TOO020106
 
 

117


ในช่วงที่หลาย ๆ ท่านต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work from home แบบนี้ต้องมีบ้างที่รู้สึกว่าโต๊ะทำงานดูรก ไม่เรียบร้อย รวมทั้งโต๊ะต่าง ๆ ทั้งที่อยู่ในบ้านไม่ว่าจะเป็นโต๊ะวางคอม ใช้อ่านหนังสือ ฯลฯ เพื่อให้การใช้งานได้อย่างสะดวกสบาย ลองจัดวางสิ่งของตามทริคต่อไปนี้ดูไหม รับรองหาของได้ไม่หลงลืม จัดเก็บเป็นระเบียบ ใครเข้ามาเห็นก็ต้องชื่นชม
สัดส่วนของโต๊ะใช้ทำงานที่ควรรู้
ก่อนที่จะไปศึกษาถึงทริคการจัดวางสิ่งของบนโต๊ะที่ไว้ทำงาน หรือโต๊ะคอม โต๊ะอ่านหนังสือ ขออธิบายถึงสัดส่วนที่ควรเป็นก่อน ซึ่งความลึกและความกว้างควรพิจารณาจากพื้นที่ทำงานใกล้ตัวอย่างเหมาะสม สามารถวาดมือบนโต๊ะได้โดยที่ศอกชิดลำตัวลักษณะครึ่งวงกลม ศอกถึงข้อนิ้วหยิบของได้ควรยาวออกไป 35 - 45 เซ็นติเมตร สามารถเปลี่ยนเหยียดแขนได้ ความยาวโต๊ะควร 160 เซนติเมตร (ครึ่งวงกลม) ทั้งนี้ สามารถออกแบบโต๊ะที่อยู่ในรูป L ได้ ช่วยให้หมุนเก้าอี้ง่าย หยิบของได้สะดวก
หาของไม่เจอ หลงลืมไม่รู้อยู่ตรงไหน ลองจัดโต๊ะทำงานตามนี้ช่วยได้
1. ของมีน้ำหนักแล้วไม่ใช้บ่อย
สำหรับสิ่งของที่มีน้ำหนักแล้วไม่ได้เอาออกมาใช้งานบ่อย ๆ ด้วยเอาไปวางไกลตัวผู้ใช้งาน อย่างขอบโต๊ะทางด้านขวาหรือซ้ายไม่ต้องลุกหยิบบ่อย ๆ  แต่ถ้าต้องการใช้ก็เลื่อนเก้าอี้ไปใกล้ ๆ ได้ อย่าวางลึกเข้าไปเพราะการเอื้อมทำให้ไหล่ใช้งานหนัก เสี่ยงเกิดแรงกดหมอนรองกระดูกสันหลัง อาทิเช่น โต๊ะคอมพิวเตอร์ที่อาจมีหนังสือหลาย ๆ เล่มไม่ได้ใช้บ่อย
2. ใช้งานบ่อยจะต้องไว้ใกล้ตัว
เป็นเทคนิคง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนคงรู้กันในระดับหนึ่ง เมื่อของที่เราใช้งานบ่อย ๆ ก็ควรวางให้อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด ได้แก่ โต๊ะคอมพิวเตอร์ใช้แป้นพิมพ์ ใช้เมาส์ประจำ ก็ควรวางไว้กลางโต๊ะ ใกล้ขอบโต๊ะ หรือโต๊ะอ่านหนังสือที่มีหนังสือเล่มโปรดก็ควรวางใกล้ ๆ ด้านซ้ายหรือขวา เป็นต้น
3. น้ำหนักเบาใช้งานบ่อยแต่ยังไม่มาก
แอบสงสัยกันใช่ไหมว่าสิ่งของน้ำหนักเบาใช้งานไม่ได้บ่อยมากคืออะไร ได้แก่ ปากกา กรรไกร สก็อตเทป ฯลฯ แนะนำว่าให้วางในพื้นที่ครึ่งวงกลม กล่าวคือสามารถเอื้อมหยิบได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อหมอนรองกระดูก
4. วางให้เหมาะกับลำดับการใช้งาน
ตบท้ายคือการวางให้เหมาะกับลำดับการใช้งานอย่าง โต๊ะคอมถ้าต้องมีการอ่านแล้วพิมพ์งานไปด้วยให้วางแผ่นงานทางด้านซ้าย แล้วใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือโน้ตบุ๊กกลางโต๊ะ ช่วยให้การทำงานสะดวก ง่ายดายมากยิ่งขึ้น 
ต่อจากนี้ไปโต๊ะทำงาน รวมถึงโต๊ะวางคอมพิวเตอร์ วางหนังสือของคุณจะจัดวางสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สามารถเอื้อมจับ หยิบใช้สิ่งของได้ง่ายดาย ใครยังไม่ได้จัดลักษณะที่แนะนำรีบไปปรับเปลี่ยนกันเลย ไม่หวงสูตร
เข้าชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
Official Website : https://www.homepro.co.th/c/FUR1005
 

118


เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าหลายท่านที่เป็นน้องใหม่อาจยังไม่เข้าใจในเรื่องของการทำความสะอาดโดยเฉพาะคราบและกลิ่นบนชุดเครื่องนอน และหากคุณ ๆมีความต้องการทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีจัดการทั้งคราบและกลิ่นอยู่แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นที่ไหน อย่างไร ไม่ต้องกดออกไปไหนอีกแล้ว เนื่องจากบทความนี้ได้รวบรวมมาบอกต่อ 6 วิธีด้วยกัน พร้อมแล้วตามมาให้ไว เพื่อการนอนหลับที่ราบรื่น
6 วิธีจัดการคราบ - กลิ่นไม่พึงประสงค์บนชุดเครื่องนอน
1. ใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วย
สำหรับใคร ๆที่เป็นมือใหม่แล้วไม่ค่อยมีเวลาว่างมากนัก แนะนำว่าให้ใช้เครื่องดูดฝุ่นมาดูดเอาทั้งฝุ่น คราบสกปรกที่ไม่ได้ฝังลึก ไรฝุ่น ฯลฯ ให้หลุดออกจากชุดที่นอน ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่มให้หมด อย่ามีหลงเหลือ ทั้งนี้ ควรนำผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนไปซักทำความสะอาดอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อความสะอาดที่ดีมากขึ้น
2. จัดการคราบเลือดด้วยสูตรผสม
สูตรผสมที่ว่าก็คือน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ + ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ¼ ถ้วยตวง และเกลืออีก 1 ช้อนโต๊ะ ต่อจากนั้นก็ผสมให้เข้ากัน ใครที่ชุดผ้าปูที่นอนมีคราบเลือดให้นำไปถูคราบเลือดที่ติดอยู่ สุดท้ายใช้ผ้าขาวมาซับออก นอกจากนี้ควรผสมน้ำเย็นกับน้ำยาล้างจานแล้วคนให้เข้ากัน ใช้ฟองน้ำชุบแล้วซับคราบซ้ำ จากนั้นนำผ้าแห้งมาเช็ดออก เป็นอันเสร็จ
3. รอยด่างดำ - เชื้อรา ก็กำจัดได้
สำหรับท่านใดที่สังเกตแล้วพบว่าชุดที่นอนมีรอยด่างดำ เชื้อรา ต้องยกไปตากแดด แล้วทำความสะอาดให้ทั่วด้วยเครื่องดูดฝุ่น หลังจากนั้นผสมน้ำอุ่นกับแอลกอฮอล์ นำฟองน้ำไปชุบ แล้วมาซับลงบนที่นอนเน้นจุดที่เป็นรอยด่างดำ เชื้อราอีกครั้ง ช่วยจัดการได้อย่างดี
4. จัดการคราบเครื่องดื่มต่าง ๆ
เผื่อว่าบ้านไหนเอาเครื่องดื่ม ทั้งน้ำผลไม้ กาแฟ หรือนม ขึ้นไปดื่มแล้วเกิดทำหกชุดผ้าปูที่นอนกลายเป็นคราบ ไม่ต้องตกใจไป ทำความสะอาดโดยใช้สูตรน้ำส้มสายชู หรือมะนาวใส่ในขวดสเปรย์แล้วฉีดลงไปที่คราบนั้น ๆ หรือใครเลือกใช้ผ้าไปชุบแอลกอฮอล์มาซับโดยตรงก็ได้เช่นกัน แล้วนำไปซักอีกรอบ
ทั้งหมดนี้คือแนวทางจัดการทั้งคราบ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มีอยู่บนชุดเครื่องนอน ไม่ว่าจะที่นอน ผ้าปู ปลอกหมอน หรือใด ๆ ก็ตาม ทั้งนี้ไม่เพียงนำวิธีทำความสะอาดมาบอกต่อเท่านั้น อาจเลือกปกป้องสิ่งสกปรกด้วยวิธีคลุมผ้าปูไวนิลไปก่อนแล้วจึงใส่ผ้าปูหรือปลอกหมอน ซึ่งผ้าปูไวนิลจะช่วยให้ที่นอน หรือหมอนไม่เจอสิ่งสกปรกอันเนื่องมาจากวัสดุทำมาจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์นั่นเอง
รับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/BED0101

119

หลาย ๆ คนที่กำลังจะซื้อตู้เย็น คงสงสัยว่าตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี? ตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด แต่ก่อนจะไปทำความเข้าใจเรื่องนี้ ควรทราบถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาให้รอบด้านเพื่อให้ได้สิ่งที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ๆ แล้วจึงค่อยไปเลือกยี่ห้อ เป็นการเพิ่มความมั่นใจและการันตีความคุ้มค่าในการลงทุนของทุกคน ลองใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวเปรียบเทียบได้เลย
สิ่งที่ต้องพิจารณา เรื่องต้องทราบก่อนเลือกซื้อเลือกหาตู้เย็นใช้งาน
1. คุณสมบัติพื้นฐานของตู้เย็นที่มีให้
ก่อนซื้อตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี? ขอเริ่มต้นถึงสิ่งที่ต้องพิจารณานั่นคือการดีไซน์ คุณสมบัติต่าง ๆ ที่ตู้เย็นมีให้ใช้งานก่อน ได้แก่
-    ช่องใส่ผักและผลไม้ ที่ตู้เย็น 2 ประตูควรมีความเย็นหมาะสม เพื่อผักหรือผลไม้ที่ใส่ไปจะได้รับความเย็นอย่างสม่ำเสมอ เต็มที่ คงความสดของผลไม้และผักได้นาน
-    ชั้นวางควรต้องถอดเข้า - ออกได้อย่างง่ายดาย เพื่อให้เราสามารถปรับขนาดช่องแช่ รวมถึงทำความสะอาดได้เป็นอย่างดี
-    นอกจากชั้นวางปกติแล้ว ก็ควรพิจารณาถึงชั้นวางข้างประตูด้วย ต้องมีขนาดกว้างเหมาะสม แช่ทั้งขวดน้ำ ขวดนม หรือกระป๋อง ฯลฯ ได้อย่างดี
-    ลิ้นชักช่องแช่ควรต้องชั้นแยกภายใน ช่วยให้อุณหภูมิปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสมกับอาหาร หรือเครื่องดื่มที่เราแช่
2. ฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ที่มี
เรื่องของฟีเจอร์เสริมต่าง ๆ ก็สำคัญ เป็นคุณสมบัติเพิ่มเติมในการใช้งาน แต่ละแบรนด์ก็จะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ ราคา ตู้เย็น 2 ประตูจะขึ้นอยู่กับฟีเจอร์เสริมด้วย ได้แก่ 
-    ระบบกรองอากาศ จะมีช่องให้กรองอาการเป็นพิษที่เพิ่มกลิ่นอับในตู้เย็นอย่างคาร์บอน
-    ระบบทำความเย็นแบบคู่ ที่ช่องแช่ของตู้เย็น 2 ประตูจะสามารถกระจายลมเย็นออกมาจากช่องแช่ธรรมดาได้ อุณหภูมิช่องแช่ต่าง ๆ ก็จะมีประสิทธิภาพ
-    แผงควบคุมการทำงาน สามารถตั้งค่าอุณหภูมิได้ รวมถึงระดับน้ำต่าง ๆ ล็อกความเย็น หรือเช็กตัวกรอง เป็นต้น
-    ระบบประหยัดไฟฟ้า ที่จะช่วยงดใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น ทำให้ค่าไฟในแต่ละเดือนลดลง 
3. ขนาดความจุที่เหมาะกับจำนวนสมาชิกในครอบครัว
ปกติหน่วยของตู้เย็นคือลูกบาศก์ฟุต หรือคิว ซึ่งแต่ละครอบครัวควรเลือกดังนี้ กรณีมีสมาชิก 2 คน ให้เลือกอย่างต่ำสุด 3 คิวขึ้นไป หากมีสมาชิก 3 - 4 คนให้เลือกที่เหมาะสมเป็น 7-12 คิว ส่วนครอบครัวใหญ่ที่สมาชิกมากกว่า 5 คน ให้เลือกเหมาะสมเป็น 15 คิวขึ้นไป แน่นอนว่าราคา ตู้เย็น 2 ประตูก็จะสูงตามขนาดความจุ
และทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาก่อนรู้ตู้เย็น 2 ประตูยี่ห้อไหนดี เพื่อให้เราเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการ รู้ถึงความเหมาะสม และสามารถเลือกยี่ห้อที่ตอบโจทย์ได้ที่สุด ใช้งานมีประสิทธิภาพ สบายใจไร้กังวล อยากแช่สิ่งของชนิดไหนจัดไปเลย
เลือกซื้อเลือกหา ตู้เย็น 2 ประตู หลากหลายแบรนด์ ได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/APP0905

120


หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ตั้งใจเก็บของต่าง ๆ ภายในบ้านให้เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้วต้องการลังหรือกล่องพลาสติก แต่ไม่รู้จะเลือกซื้อเลือกหาจากที่ไหน ก็อยากนำเสนอให้เลือกแหล่งขายชั้นนำที่เปิดให้บริการ เช่น โฮมโปร หรืออื่น ๆ แต่ถ้าท่านใดยังไม่มั่นอกมั่นใจเราก็มี 5 เหตุผลที่ควรเลือกซื้อกล่องเก็บของมาบอกต่อ การันตีว่าหลังจากศึกษาจบต้องรีบไปซื้อทันทีแบบไม่มีลังเล
5 เหตุผลที่เราควรเลือกกล่องเก็บของกับแหล่งขายชั้นนำ
1. มีของให้เลือกหลายแบบ
แน่นอนว่าแหล่งขายชั้นนำย่อมมีสินค้า อย่างลังพลาสติกมาวางขายให้เราได้เลือกซื้อเลือกหาหลาย ไม่ว่าจะความจุ การออกแบบ สีสัน ฯลฯ ซึ่งมักสอดคล้องกับลักษณะการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ อยากเก็บเสื้อผ้าก็มีเป็นตระกร้าลัง หรืออยากเก็บของจุกจิกก็มีกล่องอเนกประสงค์ให้ อยากได้ที่หิ้วด้วย อยากได้สีมองเห็นของ สีทึบใด ๆ ก็มี เรียกได้ว่าไปซื้อแบบไม่เสียเปล่าแน่นอน
2. มีพนักงานคอยให้บริการ
การบริการถือเป็นสิ่งสำคัญที่แหล่งขายชั้นนำอยากมอบให้กับลูกค้า ซึ่งหากเลือกซื้อเลือกหาสินค้า อย่างลังเก็บของแล้วเกิดมีความสงสัยเรื่องต่าง ๆ ได้แก่ ขนาด ความหนาบาง หรือใครเดินหาไม่เจอพนักงานก็จะช่วยบอก ช่วยบริการให้ หรือเราลังเลไม่รู้ว่าเลือกแบบไหน พนักงานก็จะแนะนำชิ้นที่เหมาะสมที่สุด
3. คุณภาพสินค้าได้มาตรฐาน
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสินค้าที่ได้จากแหล่งขายชั้นนำย่อมมีมาตรฐาน ไม่มีชำรุด ไม่เสียหายได้ง่าย ๆ เหตุเพราะทุกชิ้นได้เข้าเกณฑ์การตรวจสอบทุกด้านมาเรียบร้อยพร้อมวางจำหน่ายให้ซื้อใช้งาน หรือหากมีปัญหาจริง ๆ สามารถเคลมสินค้าเป็นชิ้นใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ ต้องอยู่ในระยะเวลาหลังซื้อและเงื่อนไข
4. สนนราคาเหมาะสม
ราคาของสินค้า อย่างลังเก็บของเป็นไปอย่างเหมาะสม ตามราคากลางทั่วไป ไม่แพงมากเกิน ไม่ถูกโอเวอร์ ก็เพราะว่าบางครั้งหลายร้านตั้งราคาไว้สูงมากแต่คุณภาพสินค้าเทียบเท่ากับอีกสินค้าที่ราคาถูกกว่า หรือบางร้านตั้งราคาต่ำมาก คุณภาพก็มักจะต่ำตามไปด้วย ทั้งนี้เพราะเกี่ยวข้องกับวัสดุที่ใช้ทำ เป็นต้น 
5. มีบริการทางออนไลน์
สุดท้ายปัจจุบันแหล่งขายชั้นนำมักมีช่องทางออนไลน์ให้เป็นอีกทางเลือกในการซื้อสินค้า อย่างกล่องอเนกประสงค์ หรือกล่องลังต่าง ๆ โดยที่ระบุราคา รายละเอียดสินค้าให้ครบถ้วน สามารถเปรียบเทียบตามความเหมาะสมได้ เมื่อพอใจก็กดสั่ง จ่ายเงิน แล้วรอรับสินค้าหน้าบ้านเลย ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปด้วยตนเอง
เมื่อเห็นความน่าสนใจของการเลือกซื้อกล่องเก็บของกับแหล่งขายชั้นนำแบบนี้แล้ว คงรีบอยากไปซื้อกันแน่ใช่ไหมล่ะ เอาเป็นว่าใครตัดสินใจได้แล้วก็อย่ารอช้ารีบเดินทางไปซื้อ หรือจะสั่งผ่านออนไลน์ก็เข้าไปที่เว็บไซต์หลักของแหล่งขายชั้นนำนั้น ๆ ได้ทันที
เข้ารับชมสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
เว็บไซต์ : https://www.homepro.co.th/c/HHP1206

หน้า: 1 ... 6 7 [8] 9 10 ... 12