kidsaraburi.com # The name of your forum.
หมวดหมู่ทั่วไป => ตลาดทั่วประเทศ => ข้อความที่เริ่มโดย: Beer625 ที่ 13 2022-02-13 2022 14:%i:1644736179
-
บลจ. ทาลิส จ่ายปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย มองปี 2565 ยังคงเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย (https://www.nakhonphanomnews.com/%e0%b9%80%e0%b8%95%e0%b8%b7%e0%b8%ad%e0%b8%99-crypto-bubble-%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a7%e0%b8%b0%e0%b8%9f%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%aa%e0%b8%9a%e0%b8%b9%e0%b9%88%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%9b/)
นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทาลิส จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผล 2 กองทุนหุ้นไทย ได้แก่ กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นระยะยาวปันผล (TLDIVLTF-D) ในอัตรา 0.125 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 พ.ย. 2564 - 31 ม.ค. 2565 และ กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) ในอัตรา 0.30 บาทต่อหน่วย สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี 1 ก.พ 2564 - 31 ม.ค. 2565 โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุนในวันที่ 10 ก.พ. 2565 เวลา 8.00 น. และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 18 ก.พ. 2565
กองทุนเปิดทาลิส Dividend Stock หุ้นทุนปันผล (TLDIVEQ-D) มีนโยบายลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี รวมถึงมีแนวโน้มที่จ่ายเงินปันผลโดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ บริษัทจัดการมีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกหลักทรัพย์ ดังนี้ (1) ผลประกอบการทั้งในปัจจุบันและอนาคตของบริษัทผู้ออกตราสาร (2) การคาดการณ์การจ่ายเงินปันผลของบริษัทผู้ออกตราสาร
โดยผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาปรับเปลี่ยนหลักทรัพย์ที่ลงทุนให้สอดคล้องกับสภาวะการลงทุน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานหรือฐานะการเงินของบริษัทผู้ออกตราสารเพื่อพิจารณาความสามารถในการจ่ายปันผลในอนาคตอย่างน้อยทุกครั้งที่มีการประกาศงบการเงิน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงผลการดำเนินงานหรือฐานะทางการเงินของบริษัทผู้ออกหลักทรัพย์อย่างมีนัยสำคัญ ผู้จัดการกองทุนก็จะปรับเปลี่ยนการลงทุนให้เหมาะสม
สำหรับทิศทางการลงทุนในปี 2565 ยังคงเป็นปีที่ดีของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัว ทำให้ผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวดี ประกอบกับสภาพคล่องในระบบการเงินยังมีอยู่สูงและดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ยังมีโอกาสที่เงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะไหลเข้าตลาดหุ้น Emerging Market มากขึ้น
"อย่างไรก็ตามปี 2565 มีโอกาสจะมีความผันผวนมากกว่าปี 2564 จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนการผลิตในปี 2565 สูงกว่าปีที่ผ่านๆ มามาก ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นและผู้ประกอบการต้องผลักภาระให้ผู้บริโภค ทำให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงปัจจัยภายนอก เช่น การขึ้นดอกเบี้ยของ US และการทำ Quantitative Tightening (QT) อย่างไรก็ดีการทำ QT ในปี 2565 อยู่ในช่วงที่ตลาดยังมีสภาพคล่องสูง และดอกเบี้ยยังอยู่ในระดับต่ำ ความกังวลว่าเมื่อ US10Y Bond Yield ขึ้น เงินจะไหลออกจากตลาดหุ้นไปตลาดตราสารหนี้แต่ผลกระทบอาจจะไม่มาก ทิศทางการลงทุนในกลุ่ม Emerging Market รวมถึงไทย ยังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว เทียบกับกลุ่ม Developed Market ที่มีการฟื้นตัวไปแล้ว ทำให้ตลาด Emerging Market มีความน่าสนใจ" นายประภาส กล่าว