͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: สหกรณ์พะเยาแจงขาย สนง.ใหญ่ 60 ล้าน บอกได้ส่วนต่างเข้าทุนสำรองกว่า 50 ล้าน  (อ่าน 30 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ deam205

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15564
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


พะเยา - สหกรณ์ฯ พะเยาแจงเตรียมขาย สนง.ใหญ่มูลค่าร่วม 60 ล้าน อ้างจากมูลค่าปี 17 มีส่วนต่างโอนเงินเข้าทุนสำรองกว่า 50 ล้าน พร้อมร่ายยาวกรณีผู้สอบฯ ระบุงบการเงินแบบมีเงื่อนไข-สหกรณ์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบ

นายปรีชา ยะตา ประธานกรรมการสหกรณ์การเกษตรพะเยาและสมาชิก ได้ประชุมชี้แจงกรณีที่มีข่าวออกไปว่าสหกรณ์เตรียมขาย สนง.ใหญ่ มูลค่าร่วม 60 ล้านบาท เพื่อโอนเงินเข้าทุนสำรอง และผู้สอบบัญชีสหกรณ์แสดงความเห็นต่องบการเงินแบบมีเงื่อนไข การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่กรณีสหกรณ์ไม่ปฏิบัติตามระเบียบสหกรณ์

โดยระบุว่า สหกรณ์ได้รับเงินอุดหนุนภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคการเกษตรจากรัฐบาล 14,877,000 บาท เมื่อปี พ.ศ. 2545 ซึ่งมีเงื่อนไขกำหนดไว้ให้ชำระส่งคืนเงินทุนให้แก่รัฐบาลในรูปของการบริจาค และค่าธรรมเนียม ร้อยละ 1 สหกรณ์จัดทำบัญชีดังกล่าวไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงิน ในหัวข้อสินทรัพย์รับบริจาค และได้ทำทะเบียนคุมสินทรัพย์ไว้เท่านั้น วิธีดังกล่าวเป็นการรับรู้สินทรัพย์ไว้เพื่อใช้ประโยชน์

และสินทรัพย์ดังกล่าวได้มีกำหนดระยะเวลาในการชำระค่าธรรมเนียม และค่าบริจาค ร้อยละ 1 ภายในวันที่ 30 กันยายน 64 ทางสหกรณ์ได้ทำการปรึกษาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าหากสหกรณ์บันทึกบัญชีในปีปัจจุบัน ทางสมาชิกอาจเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน จึงขอเวลาในการแจ้งให้สมาชิกได้รับทราบก่อน แล้วค่อยบันทึกบัญชีในปีถัดไป โดยไม่ขัดต่อระเบียบของสหกรณ์

นายปรีชายังกล่าวต่ออีกว่า ส่วนกรณีที่ทางสหกรณ์จำหน่ายสินค้าเป็นเงินเชื่อให้แก่สหกรณ์อื่น เนื่องมาจากทางสหกรณ์ได้รับการติดต่อขอซื้อเมล็ดพันธุ์จากสหกรณ์นิคมลานสัก โดยได้รับข้อมูลว่าทางสหกรณ์นิคมลานสักได้รับจัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวให้กรมการข้าวเพื่อช่วยเหลือสมาชิกที่ประสบภัยแล้ง ฝนทิ้งช่วง และอุทกภัย



ทางสหกรณ์มองเห็นว่าการขายเมล็ดพันธุ์ในครั้งนี้มีความน่าเชื่อถือ คณะกรรมการจึงได้ลงมติให้สหกรณ์นิคมลานสักทำสัญญาซื้อ-ขายกับสหกรณ์การเกษตรเมืองพะเยา และได้ทำการส่งมอบสินค้าครบตามจำนวนในสัญญา ในวันทำสัญญา สหกรณ์นิคมลานสักได้นำเช็คมาชำระหนี้จำนวน 5 ฉบับ ฉบับละ 4,700,000 บาท


X


เมื่อถึงเวลากำหนด สหกรณ์ได้นำเช็คเข้าฝากธนาคาร แต่ปรากฏว่าเช็คไม่สามารถขึ้นเงินได้ สหกรณ์จึงได้ทำการบันทึกประจำวันไว้กับตำรวจ และได้ติดต่อไปทางสหกรณ์นิคมลานสัก แล้วมีข้อสรุปขอไกล่เกลี่ย โดยทำบันทึกข้อตกลงชำระเป็นรายปี โดยมีคณะกรรมการของสหกรณ์นิคมลานสักเป็นผู้ค้ำประกัน ในวงเงินที่ค้างชำระทั้งหมด ปัจจุบันสหกรณ์ลานสักได้ชำระมาแล้วบางส่วน เป็นเงิน 9,450,000 บาท คงเหลือ 14,050,000 บาท

และจากทั้งสองกรณีข้างต้น สหกรณ์จึงทราบถึงแนวโน้มของการดำเนินงานของสหกรณ์ในปีถัดไป เมื่อโครงการเงินอุดหนุนภายใต้โครงการเงินกู้เพื่อปรับโครงสร้างภาคเกษตรถึงกำหนดชำระ จะทำให้สหกรณ์ต้องบันทึกบัญชีรับรู้สินทรัพย์ทั้งจำนวน เป็นเงิน 10,626,750.68 บาท และต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญกรณีสหกรณ์ลานสักจำนวน 14,050,000 บาท รวมทั้งสิ้น 24,676,750.67 บาท จะทำให้สหกรณ์ประสบปัญหาการขาดทุน

ดังนั้น สหกรณ์จึงได้หาแนวทางในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการเพิ่มมูลค่าที่ดินของสหกรณ์ เนื่องด้วยที่ดินสหกรณ์ที่ได้บันทึกบัญชีไว้เมื่อปี พ.ศ. 2517 มีมูลค่า 253,385.65 บาท ณ ปัจจุบันมีมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท ผลต่างที่จะเกิดขึ้นประมาณ 50 กว่าล้านบาท ซึ่งสหกรณ์จะได้นำเข้าทุนสำรองต่อไป