͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ว่าฯ กทม.เผยแผนเตรียมรับมือฝนตกหนัก แก้ไขสถานการณ์น้ำท่วม กรุงเทพฯ 9 ข้อ   (อ่าน 15 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Thetaiso

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 9362
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด


วันที่ 29 กันยายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชกรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กเพจ ผู้ว่าฯ อัศวิน แจ้งความพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ระบุว่า พื้นที่ กทม.มีลักษณะเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำ มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกลางเมืองที่มาจากตอนบนประเทศ ถ้ามีฝนตกหนักบริเวณจังหวัดที่อยู่ตอนบนของ กทม.จะทำให้มีน้ำเหนือปริมาณมากไหลผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา

ในทุก ๆ ปี กทม.จะมีปัจจัยจากน้ำฝนที่ตกหนักปริมาณมากที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ กทม.ได้เตรียมรับมือป้องกันน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง แก้ไขจุดเสี่ยงให้มีน้อยที่สุด และเตรียมเจ้าหน้าที่ เครื่องสูบน้ำในจุดเฝ้าระวังน้ำท่วมขัง โดยใช้หลักวิศวกรรมมาแก้ไข มีการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ ท่อเร่งระบายน้ำ และพื้นที่กักเก็บน้ำ ทั้งบนดินและใต้ดิน เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังใน กทม.อย่างต่อเนื่อง

นอกจาก กทม.จะมีการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่มีปัจจัยจากน้ำฝน น้ำเหนือ และน้ำหนุน โดยใช้หลักวิศวกรรมเร่งการระบายน้ำออกให้เร็วที่สุด โดยสร้างท่อเร่งระบายน้ำ (Pipe Jacking) เร่งระบายน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่จุดเสี่ยงและเฝ้าระวังน้ำท่วม ให้ไหลลงสู่พื้นที่กักเก็บน้ำใต้ดินหรือธนาคารน้ำใต้ดิน (Water Bank) ได้เร็วขึ้น

ก่อนที่จะไหลลงอุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ เพื่อระบายน้ำออกสู่คลองและแม่น้ำเจ้าพระยา และยังมีพื้นที่กักเก็บน้ำบนดิน (แก้มลิง) รองรับน้ำไม่ให้ท่วมขังในพื้นที่ กทม.ฝั่งตะวันออก ก่อนสูบน้ำ ระบายออกสู่แม่น้ำให้เร็วที่สุดอีกทางหนึ่ง

เตรียมแผน 9 ข้อ รับมือฝนตกหนัก กทม.
นอกจากนี้ กทม.ยังได้เตรียมความพร้อมและรับมือสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ โดยมีแผนรับมือ 9 ข้อ ดังนี้

1. ติดตามสถานการณ์สภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาและจากเรดาร์ตรวจฝนของกรุงเทพมหานคร ตลอด 24 ชั่วโมง


2. เตรียมเครื่องสูบน้ำให้พร้อมใช้งาน และจัดเจ้าหน้าที่ พร้อมแก้ไขน้ำท่วมขังทันที ตามจุดที่เสี่ยงน้ำท่วม

3. พร่องน้ำในคลอง ควบคุมระดับน้ำในบ่อสูบน้ำและแก้มลิงให้อยู่ในระดับต่ำตามแผนฯ

4. เมื่อมีฝนตก ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม แจ้งเตือนสถานการณ์ฝนตกให้ผู้ปฏิบัติงานภาคสนาม และแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านกลุ่ม Line “เตือนภัยน้ำท่วม กทม.” (ปภ. ทหาร ตำรวจ สื่อมวลชน) ทันที

5. หน่วยปฏิบัติการเร่งด่วน (BEST) ประจำจุดเสี่ยงน้ำท่วมและจุดสำคัญเมื่อคาดว่าจะมีฝนตกหนัก เพื่อเร่งระบายน้ำ และแก้ไขปัญหาเรื่องขยะอุดตันตะแกรงช่องรับน้ำพร้อมการช่วยเหลือแก้ปัญหาด้านการการจราจร

6. หน่วยงานภาคสนามลงพื้นที่ตามจุดต่างๆ และรายงานจุดที่มีน้ำท่วมให้ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วมรับทราบสถานการณ์จนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ

7. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจ ช่วยอำนวยความสะดวกการจราจร การปิดเส้นทางน้ำท่วม และทหาร ช่วยเหลือลำเลียงประชาชนออกจากพื้นที่ หากมีระดับน้ำท่วมสูงรถเล็กไม่สามารถใช้เส้นทางผ่านได้

8. เร่งแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในจุดที่วิกฤติ ด้วยการติดตั้งเครื่องสูบน้ำชนิดเคลื่อนที่เพิ่มเติมจากเดิม

9. ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม รายงานสภาพฝน ปริมาณฝน พื้นที่น้ำท่วมขังเป็นระยะๆ และสรุปสถานการณ์เพื่อแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ผ่านหน่วยงานต่างๆ รวมถึงช่องทางโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน กทม.จัดตั้งศูนย์บูรณาการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมโดยมีผู้อำนวยการเขตเป็นผู้บัญชาเหตุการณ์ พร้อมประสานความร่วมมือกับหน่วยงานและจังหวัดใกล้เคียง ทั้งจังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดนครปฐม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน และกองทัพภาคที่ 1

และเตรียมการแก้ไขปัญหาที่อาจส่งผลกระทบตามเส้นทางที่มีแนวก่อสร้าง เช่น โครงการระบบระบายน้ำแนวถนนวิภาวดี และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีต่าง ๆ ซึ่งก่อนหน้าฝน ก็ได้มีการเตรียมพร้อมหากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง โดยได้ลอกท่อระบายน้ำ เก็บขยะ ผักตบชวา และเตรียมเครื่องสูบน้ำให้พร้อมใช้งาน

ประชาชนสามารถติดตามการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝนและรับแจ้งเหตุน้ำท่วมขังในพื้นที่ กทม.จะมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เข้าช่วยเหลือประชาชนและเร่งระบายน้ำในจุดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังได้ที่ โทร.1555 และศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม โทร. 0-2248-5115 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง