ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้านี้ปรับตัวขึ้น ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดบวกในวันอังคาร (11 ม.ค.) หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ส่งสัญญาณเรื่องทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างไปจากเดิม นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเชื่อมั่นว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐ
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 28,449.53 จุด เพิ่มขึ้น 227.05 จุด หรือ +0.80%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 24,069.52 จุด เพิ่มขึ้น 330.46 จุด หรือ +1.39% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,578.16 จุด เพิ่มขึ้น 10.72 จุด หรือ +0.30%
นายพาวเวลได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า ห่วงโซ่อุปทานที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่เฟดก็ไม่กลัวที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ดี นายพาวเวลเชื่อมั่นว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เฟดไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่อีกต่อไป
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังคาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไปได้ และเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ไบรเอน ลันดิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Gold Newsletter กล่าวว่า การแสดงความเห็นของนายพาวเวลครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในลักษณะ "ซอฟท์แลนดิ้ง" มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัว นอกจากนี้ นายพาวเวลยังทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่า เฟดจะไม่เร่งใช้นโยบายคุมเข้มที่รุนแรงเกินไป เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนยังจับตาสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี จากระดับ 6.8% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงานนั้น คาดว่าจะพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. จากระดับ 4.9% ในเดือนพ.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่น่าติดตามวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. ของจีน, อัตราว่างงานเดือนธ.ค. ของเกาหลีใต้ และดุลบัญชีเดินสะพัดเดือนพ.ย. ของญี่ปุ่น