นายมารุต อรรถไกวัลวที บริษัท วีจีไอ จํากัด (มหาชน)หรือ VGI แจ้ง
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2564 ประชุมเมื่อวันที่ 26สิงหาคม 2564 เวลา 13.30 น. ได้มีมติอนุมัติการเข้าลงทุนใน บริษัท เจ มาร์ท จํากัด (มหาชน) หรือ JMART ซึ่งเป็นรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ
โดยบริษัทฯ จะดําเนินการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มมทุนของ JMART ที่จะออกและเสนอขายให้แก่บริษัทฯ ในรูปแบบของการออกและเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจํากัด (Private Placement) จํานวน206,241,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ในราคาจองซื้อหุ้นละ 30.3370 บาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 6,256,757,486.60 บาท
ทั้งนี้ส่งผลให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 15 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของ JMART ภายหลังการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าว และการได้มาซึ่งใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของJMART ครั้งที่ 6 ที่จัดสรรให้แก่ผู้ลงทุนที่จองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่ออกและเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจํากัด (Private Placement) (ใบสําคัญแสดงสิทธิ JMART-W6)ให้แก่บริษัทฯ จํานวน 25,337,882 หน่วย โดยไม่คิดมูลค่าการเสนอขาย (ราคาเสนอขายหน่วยละ 0.00 บาท) อัตราการใช้สิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นสามัญของ JMART จํานวน 1 หุ้น ในราคาใช้สิทธิ 30.3370 บาทต่อหุ้น
โดยหากมีการใช้สิทธิตามใบสําคัญแสดงสิทธิครบจํานวนจะคิดเป็นมูลค่าการลงทุนเท่ากับ 768,675,326.23 บาท และจะทําให้บริษัทฯ ถือหุ้นใน JMART ในสัดส่วนเท่ากับร้อยละ 15.00 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของJMART (คํานวณบนสมมติฐานว่าผู้ถือใบสําคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ JMART ทั้ง 3 ชุดที่ JMART ออกอยู่ ณ ปัจจุบันใช้สิทธิซื้อหุ้นตามใบสําคัญแสดงสิทธิครบทั้งจํานวน) (“ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART”) รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 7,025,432,812.83 บาท
โดยภายหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART บริษัทฯ จะเข้าลงนามในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนระหว่างบริษัทฯ (ในฐานะผู้ลงทุน) และ JMART (ในฐานะผู้ออกหลักทรัพย์)(“สัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุน”) โดยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาแบบมีเงื่อนไขบังคับก่อน ทั้งนี้ ธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะเกิดขึ้นเมื่อเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดตามที่ระบุในสัญญาจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนสําเร็จครบถ้วนหรือได้รับการผ่อนผันจากคู่สัญญาฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้บริษัทคาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะเสร็จสมบูรณ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 โดยรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART มีรายละเอียดปรากฏตามสารสนเทศเกี่ยวกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของVGI
สำหรับแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการซื้อหุ้น JMART จะมาจากกระแสเงินสดภายในของบริษัทฯ ประมาณร้อยละ 5-10 ของมูลค่าเงินลงทุน ทั้งนี้การใช้เงินลงทุนดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดําเนินงานของบริษัทฯ และความสามารถในการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น แต่อย่างใด และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน ประมาณร้อยละ 90-95 ของมูลค่าเงินลงทุน ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่างร้อยละ 0.9 ถึง 4 ต่อปีทั้งนี้ การกู้ยืมจากสถาบันการเงินดังกล่าว ไม่มีเงื่อนไขที่มีผลกระทบต่อสิทธิของผู้ถือหุ้นแต่อย่างใด
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นกับบริษัทจดทะเบียน
ในปัจจุบันบริษัทฯ ประกอบธุรกิจหลักด้านสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชําระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจนําเข้าและจัดจําหน่ายอุปกรณ์ Gadget จากประเทศจีนที่บริษัทฯ เพิ่งเข้าลงทุนผ่านบริษัท แฟนส์ลิ้งค์ คอมมูนิเคชั่น จํากัดเมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นว่า JMART ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจลงทุนในธุรกิจอื่น โดยมีธุรกิจหลัก คือ การจําหน่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมไปถึงอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องในรูปแบบค้าปลีกและค้าส่ง เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากแนวโน้มการทํางานและการเรียนหนังสือจากบ้านที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
โดยบริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการเข้าลงทุนใน JMART จะช่วยสร้างประโยชน์และส่งเสริมระบบนิเวศทางธุรกิจ ณ ปัจจุบันของบริษัทฯ อาทิ การขยายช่องทางการจัดจําหน่ายสินค้าประเภท Gadget ซึ่งจัดจําหน่ายโดยบริษัทในกลุ่มของบริษัทฯ ผ่านพื้นที่ค้าปลีกของบริษัทภายใต้กลุ่ม JMART, การขยายจุดรับสินค้า (Pick-upCounters) และจุดให้บริการ (Service Points) ของ JMART บนสถานีรถไฟฟ้า และการใช้เครือข่ายการขนส่งสินค้าของบริษัทในกลุ่ม VGI รวมไปถึงการปรับใช้เทคโนโลยีด้านการเงินที่ทันสมัยร่วมกับระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่ม
บริษัทฯ นอกจากนี้ การเข้าทําธุรกรรมในครั้งนี้ยังช่วยเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ มากยิ่งขึ้นทั้งนี้ บริษัทฯ คาดว่าธุรกรรมการลงทุนใน JMART ในครั้งนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ถือหุ้นและบริษัทฯโดยรวม