10 มีนาคม 2563 ศูนย์รับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้าย สภ.เมืองตราด ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธกันที่ หมู่ 2 ต.เนินทราย อ.เมือง จ.ตราด พ.ต.ต.สุชาติ จินดามัย สารวัตรสืบสวน กก.สส.ตร.จ.ตราด และตำรวจสืบสวนสภ.เมืองตราดเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ หลังรับแจ้งแล้ว จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจออกไปทำการตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่ภายในซอย ห่างจากถนนสายหลักประมาณ 200 เมตรเป็นบ้านชั้นเดียว พบผู้อยู่ในบ้านคือ น.ส.ลูกหว้า (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นบุตรสาวของเจ้าของบ้านที่อยู่ในอาการตื่นตระหนกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ภายในบ้านหลังดังกล่าว
ข่าวสดล่าสุดวันนี้พบร่างหญิงและชาย ผู้บาดเจ็บนอนจมกองเลือดอยู่ โดยที่ทั้งสองนอนหายใจรวยริน ทราบชื่อคือ นางสาวสายฝน (สงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี ถูกยิงที่บริเวณศีรษะ ขณะอีกรายทราบชื่อ นายเอส ที่นอนอยู่ใกล้ๆ กัน มีบาดแผลยิงที่บริเวณศีรษะเจ้าหน้าที่ได้รีบเข้าให้การช่วยเหลือ พร้อมประสานรถกู้ชีพของโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลตราดและกรุงเทพตราดเพื่อให้มารับผู้บาดเจ็บทั้งสองราย
ด้านน.ส.ลูกหว้า (นามสมมุติ) เล่าให้ฟังว่า ตนเองอยู่ที่บ้านนี้กับแม่ 2 คน ส่วนคนผู้ชายที่ชื่อเอสคือแฟนแม่และเป็นพ่อเลี้ยง ก่อนเกิดเหตุนายเอสได้ขับรถเข้ามาที่บ้านและเข้ามาในบ้าน และได้ยินเสียงเค้าทะเลาะกัน ได้ยินแม่ต่อว่าและไล่พ่อเลี้ยงให้ออกจากบ้าน และก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ตนจึงเปิดประตูห้องออกมาดูก็พบว่าแม่ถูกยิงนอนจมกองเลือดอยู่
"พ่อเลี้ยงอยู่กินกับแม่มาประมาณ 7-8 ปีแล้ว ระยะหลังแม่จับได้ว่า
ข่าวสดวันนี้พ่อเลี้ยงนอกใจไปมีผู้หญิงอื่น จึงเกิดปัญหาทะเลาะกันซึ่งพ่อเลี้ยงบอกว่าขอเวลา 2 วัน เพื่อขนของออกจากบ้านและวันนี้พ่อเลี้ยงก็เข้ามาที่บ้าน และก็มาทะเลาะกับแม่อีก และแม่ก็เอ่ยปากไล่ออกจากบ้าน ซึ่งพ่อเลี้ยงประกอบอาชีพทำสวน ส่วนปืนนั้นเป็นของพ่อเลี้ยงเค้าพกติดตัวตลอด นิสัยเค้าเป็นคนใจร้อน และหลังจากที่มีปัญหากับแม่เค้าเคยพูดจาข่มขู่ว่ากดดันเค้ามากๆเค้าจะยิงให้ตายทั้งบ้านไม่คิดว่าเค้าจะทำตามที่พูด"น.ส.ลูกหว้า (นามสมมุติ) กล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.จักรพงษ์ วงศ์กุลพิจาม ร้อยเวร สภ.เมืองตราด เดินทางไปยังที่เกิดเหตุพร้อมบันทึกหลักฐาน พร้อมเก็บอาวุธปืนขนาด 9 มม.พร้อมกระสุนปืน 8 นัดที่เหลืออยู่ และปลอกกระสุนในที่เกิดเหตุ 2 ปลอกไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมาทางโรงพยาบาลตราด ได้แจ้งว่า นางสาวสายฝน (สงวนนามสกุล) ได้เสียชีวิตแล้ว ส่วนนายเอส อยู่ระหว่างการช่วยชีวิตแต่อาการโคม่า