͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: AAV เล็งทยอยกลับมาบินเส้นทางตปท.ใน Q2/65 คาดกลับมามีกำไรปี 66  (อ่าน 61 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Cindy700

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 15687
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
AAV เล็งทยอยกลับมาบินเส้นทางตปท.ใน Q2/65 คาดกลับมามีกำไรปี 66

นายสันติสุข คล่องใช้ยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) และสายการบินไทยแอร์เอเชีย คาดว่าในปี 66 บริษัทจะกลับมามีกำไร ขณะที่ในปี 65 นี้บริษัทยังขาดทุนอยู่แต่จะลดลง เนื่องจากสายการบินไทยแอร์เอเชียจะทยอยกลับมาบินในเส้นทางต่างประเทศ ที่เริ่มตั้งแต่มี.ค.นี้ คือ มัลดีฟส์ กัมพูชา(พนมเปญ) และสิงคโปร์ และในเม.ย. บินไปที่มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์,ปีนัง,ยะโฮร์บาห์รู) เวียดนาม (โฮจิมินห์,ฮานอย,ดานัง) อินโดนีเซีย(บาหลี) และอินเดีย (เบงกาลูรู,โกลกาตา,โกชิ,ชัยปุระ,เชนไน) รวมเป็น 7 ประเทศ ทั้งหมด 18 เส้นทาง

ฉะนั้นในไตรมาส 2/65 เส้นทางต่างประเทศจะทยอยกลับมาทำการบิน 20% ก่อนช่วงเกิดโควิด และทยอยเพิ่มเป็น 40% ในไตรมาส 3/65 และในไตรมาส 4/65 ก็คาดว่าจะทำการบินได้ถึง 60%

ส่วนในปี 66 ก็เชื่อว่าจะสามารถกลับมาทำการบินได้เต็ม 100% โดยคาดจีนจะเปิดประเทศ ซึ่งจีนเป็นตลาดใหญ่ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 30% ขณะที่เส้นทางในประเทศคาดว่าในไตรมาส 2/65 จะกลับมาบินได้เต็ม 100%โดยเป็นการเพิ่มความถี่จากที่บินได้ครบทุกเส้นทางแล้ว

นายสันติสุข กล่าวว่า ในช่วงที่โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระบาดหนักในเดือนม.ค.-ก.พ. 65 ที่ผ่านมา ทำให้ไทยแอร์เอเชียต้องเลื่อนการเปิดเส้นทางต่างประเทศไปไตรมาส 2/65 เพราะภาครัฐหยุดมาตรการ Test&Go ไป 2 เดือน แต่ขณะนี้ที่กลับมาใช้ Test&Go แล้ว และยังมีแผนเปิดทำการบินเพิ่มในครึ่งปีหลัง ได้แก่ ฮ่องกง มาเก๊า จีนตอนใต้ที่เน้นเมืองค้าขาย ญี่ปุ่น (ฟูกูโอกะ, โอกินาวา) สปป.ลาว หากประเทศเหล่านี้เปิดประเทศแล้ว

"เฟสต่อไป ถ้าญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง เปิดประเทศเราบินไปได้ทันที ศักยภาพของเรามีความพร้อมทั้งเครื่องและคน โอกาสมาเราจะฉวยโอกาสให้ได้ทันที ผมมั่นใจว่าอินเดียน่าจะไปได้ดี คนอินเดียก็อั้นที่จะมาเที่ยวที่ไทย สิงคโปร์ก็มีลุ้น แข่งกับสิงคโปร์แอร์ไลน์ มาเลเซียถิ่นเราอยู่แล้ว ก็ทำราคาได้ดี บาหลีก็เป็นเส้นทางยอดนิยม" นายสันติสุข กล่าว
นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่ไทยแอร์เอเชียจะเพิ่มทำการบินเส้นทางต่างประเทศจากสนามบินสุวรรณภูมิ จากที่ส่วนใหญ่บินจากสนามบินดอนเมือง เพราะเราวางกลยุทธ์ให้ Hub สุวรรณภูมิ เพื่อเชื่อมหรือส่งผู้โดยสารจากต่างประเทศบินต่อในต่างจังหวัด ซึ่งปัจจุบันบินไปที่ภูเก็ต เชียงใหม่ กระบี่ น่าน และเชียงราย

"เส้นทางต่างประเทศเป็นตลาดสำคัญ ที่ทำให้อยู่รอด เปิดได้เยอะก็จะใช้เครื่องได้เยอะก็สามารถทำรายได้เข้ามาก"
ทั้งนี้ก่อนช่วงโควิด บริษัทจะมีรายได้ที่มาจากผู้โดยสารต่างประเทศ 60% ในประเทศ 40% ขณะที่จำนวยผู้โดยสารต่างประเทศมีสัดส่วน 40% ในประเทศ 60%

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AAV กล่าวถึงเหตุผลที่สายการบินไทยแอร์เอเชียรุกเปิดตลาดต่างประเทศในจังหวะนี้ 7 ประเทศ 18 เส้นทางเพราะเห็นว่าแนวโน้มสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ดีขึ้น แม้โรคจะไม่ได้หาย แต่ผู้คนส่วนใหญ่ก็อยู่กันได้อย่างมีสติ และมีการฉีดวัคซีนเข็ม 1-2 เกือบ 80% ส่วนเข็ม 3-4 เริ่มมากขึ้น ซึ่งช่วยให้อาการไม่รุนแรง คนเริ่มไม่กังวลและเริ่มมีการเดินทางมากขึ้น หลายประเทศเปิดประเทศมีการทำการบินระหว่างกันมากขึ้น

ส่วนราคาน้ำมันที่ได้ปรับตัวสูงจากสงครามรัสเซียและยูเครน แต่วันนี้ราคาน้ำมันปรับลงต่ำสุดในช่วง 2 สัปดาห์ และการเจรจาสันติภาพน่าจะตกลงกันได้ จึงคาดว่าคงไม่เห็นราคาน้ำมันมากกว่า 100 เหรียญ/บาร์เรล และเส้นทางต่างประเทศสามารถเก็บค่าธรรมเนียมน้ำมัน (Fuel Surcharge) ทั้งนี้ น้ำมันมีสัดส่วนต้นทุน 30% ใกล้กับต้นทุนบุคคลากร 30-40%

นอกจากนี้ ไทยแอร์เอเชียมีความพร้อมทั้งบุคคลากรและเครื่องบิน รวมทั้งบริษัทเพิ่งได้รับเงินจากการเพิ่มทุน 9.9 พันล้านบาท ทำให้บริษัทไม่มีปัญหาสภาพคล่อง โดยปัจจุบันมีเครื่องบิน 53 ลำ ซึ่งในไตรมาส 1/65 ใช้ไป 20 ลำ และจะเพิ่มเป็น 30 ลำในไตรมาส 2/65 คาดปลายปีหรือไตรมาส 4/65 น่าจะใช้เครื่องบินได้เต็มที่

รวมไปถึงนโยบายและกลยุทธ์ของไทยแอร์เอเชียที่ทำธุรกิจอย่างยั่งยืน การให้บริการที่มีคุณภาพ โดยไทยแอร์เอเชียได้สายการบินประหยัดที่ตรงต่อเวลาเป็นอันดับ 3 ของโลก

นายสันติสุข คาดว่ารายได้ในไตรมาส 1/65 ดีกว่าไตรมาส 1/64 และไตรมาส 4/64 โดยคาดว่ารายได้ในปี 65 น่าจะดีกว่าในปี 63 จากปี 64 ที่เป็นปีที่แย่สุด และคาดว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีการเดินทางมาก โดยขณะนี้ยอดการจองเส้นทางในประเทศเข้ามาแล้ว 30% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าใกล้เทศกาล

ทั้งนี้ บริษัทประมาณการต้นปี 65 ว่าปีนี้ไทยแอร์เอเชียจะมีจำนวนผู้โดยสาร 12.3 ล้านคน โดยจะมีสัดส่วนชาวต่างชาติ 30% อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Load Factor) เฉลี่ยที่ 78% ส่วนอัตราการใช้เครื่องบิน (Utilizstion) คาดว่าจะปรับขึ้นมาเป็น 10 ชม./ลำ/วัน จากปัจจุบัน 8-9 ชม./ลำ/วัน

อนึ่ง ในปี 64 AAV มีผลขาดทุน 6,647.48 ล้านบาท มากกว่าปี 63 ที่ขาดทุน 4,764.09 ล้านบาท

นายสันติสุข ยังกล่าวว่า ไทยแอร์เอเชีย ยังไม่สามารถทำการบินไปเบตงได้เนื่องจากสนามบินเบตง ไม่สามารถรองรับเครื่องบินแอร์บัสเอ 320 ที่เป็นรุ่นที่บริษัททำการบินอยู่ แต่หากสนามบินเบตงได้ขยายรันเวย์ ก็จะพิจารณาเข้าไปทำการบิน