͸Ժ

ผู้เขียน หัวข้อ: WORK พุ่ง 6.43% โบรกฯมอง MAJOR ถือหุ้น 5% เป็นพันธมิตรแข็งแกร่งผลิตคอนเทนท์  (อ่าน 14 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Hanako5

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 13281
  • การ์ม่า: +0/-0
    • ดูรายละเอียด
WORK พุ่ง 6.43% โบรกฯมอง MAJOR ถือหุ้น 5% เป็นพันธมิตรแข็งแกร่งผลิตคอนเทนท์

WORK ราคาพุ่ง 6.43% หรือเพิ่มขึ้น 1.60 บาท มาที่ 26.50 บาท เมื่อเวลา 10.09 น. โดยมีราคาเปิด 25.25 บาท ราคาสูงสุด 27.00 บาท ราคาต่ำสุด 25.25 บาท

ขณะที่ MAJOR บวก 1.02% มาที่ 19.80 บาท หรือเพิ่มขึ้น 0.20 บาท โดยราคาเปิดตลาด 19.70 บาท

บมจ.เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า ณ วันที่ 15 มีนาคม 2565 บริษัทได้ถือหุ้น บมจ. เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) จำนวน 22,100,000 หุ้น ซึ่งเป็นการทยอยซื้อหุ้นผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตามราคาซื้อในตลาด อยู่ระหว่างช่วงราคา 22.41 ถึง 25.75 บาทต่อหุ้น คิดเป็นราคาซื้อในตลาดเฉลี่ย 23.66 บาทต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นการถือหุ้นใน WORK เท่ากับ 5.0049% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ WORK โดยบริษัทคาดว่าจะถือหุ้นใน WORK ไม่เกิน 10% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของ WORK โดยไม่ได้เข้าไปบริหารจัดการต่อโครงสร้างบริษัทของ WORK หรือกำหนดนโยบายการดำเนินธุรกิจแต่อย่างใด

การถือหุ้น WORK ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจ และเป็นการต่อยอดอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิงด้านการผลิตคอนเทนท์มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ สร้างโอกาสในการลงทุนและการพัฒนากระบวนการดำเนินงาน

บริษัทมุ่งมั่นในการพัฒนา และเตรียมความพร้อมในการนำเสนอสินค้าที่หลากหลาย รวมถึงการสร้างนวัตกรรมที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรอบด้าน ด้วยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท

บทวิเคราะห์ของ บล.กรุงศรี ระบุว่า MAJOR เพิ่งเข้าซื้อหุ้น 5% (22 ล้านหุ้น) ใน WORK ต้นทุนเฉลี่ย 23.66 บาทต่อหุ้นมูลค่า 522 ลบ. เทียบเท่า 22x 2022PE ซึ่งสมเหตุสมผล และ MAJOR เข้าซื้อหุ้น TKN 5% (69 ล้านหุ้น) ต้นทุนเฉลี่ย 7.82 บาทต่อหุ้นมูลค่า 539 ลบ. หรือ 30x 2022PE และ 24x 2023PE ซึ่งไม่แพงเทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ PE 53x

โดย WORK จะเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งในการผลิตคอนเทนท์เพื่อฉายใน Netflix ซึ่ง WORK และ MAJOR เคยผลิตภาพยนตร์ร่วมกันมาก่อน ส่วน TKN จะผลิตปอบคอร์นให้ MAJOR ด้วยต้นทุนที่ดีขึ้น รายได้จากป๊อบคอร์น อยู่ในส่วนรายได้ขายสินค้า (concession revenue) ซึ่งเติบโต 8% yoy เทียบกับรายได้ค่าเข้าชมภาพยนตร์ลดลง -16%yoy ในปี 64 และรายได้ขายสินค้ามีสัดส่วน 53% ของรายได้รวมในปี 64 เพิ่มจาก 36% ใน 62 บริษัทมีแผนในการขายปอบคอร์นนอกโรงภาพยนตร์ในปีนี้

ความผันผวนของกำไร TKN จะไม่กระทบ MAJOR เนื่องจากจะรับรู้กำไรของ TKN ทางรายได้เงินปันผล คาด MAJOR พลิกเป็นกำไรในปี 65 เราคงคาดการณ์กำไร 762 ลบ. ในปี 65 พลิกจากขาดทุน 800 ลบ.ในปี 64 จากการดำเนินงานกลับสู่ปกติหลังจากมีข้อบังคับเกี่ยวกับโควิดในปีที่ผ่านมา เรายังไม่รวมผลจากการผลิตคอนเทนท์ให้ Netflix และโครงการป๊อบคอร์นทั้งในแง่รายได้และการประหยัดต้นทุนในโมเดลของเรา คงคำแนะนำ ซื้อ TP 26 บาท MAJOR ยังเป็นหุ้นในธีมกำไรฟื้นตัวจากความกังวลโควิด หุ้นมีผลตอบแทนปันผลที่ดี 4-6% MAJOR ประกาศจ่ายปันผล 0.6 บาทต่อหุ้น (XD 21 เม.ย.) เทียบเท่าผลตอบแทน 3% สำหรับเวลาการถือ 2 เดือน