ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 33.22/23 อ่อนค่าเล็กน้อย ตลาดไร้ปัจจัยใหม่ นลท.รอผลประชุม ECB พรุ่งนี้
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า
เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.22/23 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจาก เช้านี้ที่เปิดตลาดที่ระดับ 33.18 บาท/ดอลลาร์
วันนี้ตลาดยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา เนื่องจากตลาดรอดูผลการประชุมนโยบายการเงิน และแถลงมติอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร กลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ของสรัฐฯ ในวันศุกร์ ด้านตลาดภูมิภาควันนี้เงียบ และ เคลื่อนไหวน้อยเช่นเดียวกับตลาดเงินบาท ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15 - 33.25 บาท/ดอลลาร์
นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 33.10 - 33.35 บาท/ดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญ
เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.42/43 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 114.65 เยน/ดอลลาร์
เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1281/83 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1273 ดอลลาร์/ยูโร
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,667.75 จุด เพิ่มขึ้น 6.00 จุด (+0.36%) มูลค่าการซื้อขาย 61,327 ล้านบาท
สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 1,310 ลบ.(SET+MAI)
พาณิชย์ เผยการค้าชายแดนและผ่านแดน รวมทั้งปี 2564 มีมูลค่าการค้า 1,715,345 ล้านบาท หรือประมาณ 1.7 ล้าน
ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.03% พร้อมตั้งเป้าการส่งออกผ่านการค้าชายแดนและผ่านแดนไว้ที่โต 5-7% คิดเป็นเฉพาะมูลค่าการส่งออกที่ราว
1.08 - 1.10 ล้านล้านบาท
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดว่า ในปี 65 นี้ ความต้องการใช้เหล็กของประเทศน่าจะยังเติบโตต่อ
เนื่องไม่น้อยกว่า 5% จากปี 2564 เนื่องจากการก่อสร้างในโครงสร้างพื้นฐาน (Infra Structure) ของภาครัฐที่ยังดำเนินการต่อ
เนื่อง การเริ่มฟื้นตัวของภาคส่งออก ภาคบริการ ซึ่งเหล็กเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความจำเป็นต่อการผลิตในภาคอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
รัฐบาลอินเดีย ประกาศในวันนี้ว่า การซื้อขายสินทรัพย์คริปโทฯ ไม่จัดเป็นสิ่งผิดกฎหมายในอินเดีย หลังรัฐบาลประกาศจัด
เก็บภาษีสำหรับการซื้อขายสินทรัพย์คริปโทฯ ในลักษณะเดียวกันกับเงินที่ได้จากการชนะ.
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ครองสัดส่วนมากถึง
99.9% ของจำนวนผู้ป่วยใหม่รายสัปดาห์ในสหรัฐ ขณะที่ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งระบาดหนักเมื่อช่วงฤดูร้อนที่แล้ว ครองสัดส่วน
เพียง 0.1% ของผู้ป่วยใหม่รายสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา
องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ตรวจพบโควิด-19 สายพันธุ์ล่องหน (Stealth Omicron) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ย่อยของ
โอมิครอน ระบาดใน 57 ประเทศ นอกจากนี้ ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าสายพันธุ์ล่องหนนั้นมีความแตกต่างจากสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ อย่างไร
บ้าง เนื่องจากข้อมูลยังมีจำกัด
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ คาดว่า อัตราว่างงานจะลดลงต่ำกว่า 3% ในปีนี้ ซึ่งเป็นระดับ
เดียวกับในช่วงต้นทศวรรษ 1950 ทั้งนี้ อัตราว่างงานลดลง 0.7% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา แตะที่ 3.9% และอาจปรับลดลงอีกเนื่อง
จากบริษัทต่าง ๆ กำลังต้องการพนักงาน และจากปัจจัยอื่น ๆ รวมถึงการเกษียณก่อนกำหนด ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนของผู้ที่มีงานทำหรือผู้ที่
กำลังมองหางานนั้นลดลง
ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยว่า อาจเป็นเรื่องที่เหมาะสมสำหรับเฟด ที่จะปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ และเดินหน้าเชิงรุกมากขึ้น หากปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นนั้นไม่คลี่คลายลง เช่น ปัญหา
ห่วงโซ่อุปทาน
ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่าง
งานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค. จากสถาบัน
จัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.