กรมอนามัยห่วงกลุ่มเปราะบางเสี่ยงติด "
โอไมครอน" ย้ำปฏิบัติมาตรการ UP-DMHTA เป็นเกราะป้องกัน
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ห่วงกลุ่มเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอไมครอน หากมีการระบาดในประเทศไทย แนะปฏิบัติตามมาตรการ UP-DMHTA พร้อมประเมินไทยเซฟไทยทุกวัน เพื่อป้องกันการติดและแพร่เชื้อ
เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ประกาศให้ “โอไมครอน” หรือ สายพันธุ์ B.1.1.529 เป็นเชื้อโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ อยู่ในกลุ่มสายพันธุ์ ที่น่ากังวล ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา แม้ขณะนี้จะยังไม่พบการติดเชื้อและแพร่เชื้อ ในประเทศไทย แต่ควรตระหนักในเรื่องการป้องกันตนเองขั้นสูงสุดตลอดเวลา ด้วยการปฏิบัติตามมาตรการ UP-DMHTA โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา และสวมให้ถูกวิธี โดยให้ปิดจมูกและคลุมใต้คาง แนบกระชับกับใบหน้า ควรเปลี่ยนหน้ากากทุก 6 - 8 ชั่วโมง หรือเมื่อเปียกชื้น สกปรก รวมถึงเมื่อออกจาก สถานที่แออัด ทั้งนี้ หากต้องอยู่ในสถานที่แออัด มีการระบายอากาศไม่ดีเป็นเวลานาน หรือต้องสัมผัสใกล้ชิด กับผู้มีความเสี่ยงสูง ควรสวมหน้ากาก 2 ชั้น โดยสวมหน้ากากอนามัยก่อนแล้วสวมทับด้วยหน้ากากผ้า มีการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า การเลือกสวมหน้ากากป้องกันให้กับเด็กที่เหมาะสมตามช่วงอายุ เมื่อจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ขอให้พ่อแม่ปฏิบัติดังนี้ 1) เด็กทารกแรกเกิดถึง 1 ปี พ่อแม่ไม่ควรสวมหน้ากากให้ เพราะเด็กเล็กระบบการหายใจยังไม่แข็งแรงพอ เสี่ยงภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่งได้ 2) เด็กอายุ 1-2 ปี เด็กบางคนสามารถถอดหน้ากากเองได้เมื่อรู้สึกอึดอัด หากจำเป็นต้องสวมหน้ากาก ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง สวมเพียงระยะเวลาสั้นที่สุด โดยขณะสวมควรมีผู้ใหญ่อยู่ด้วยเพื่อคอยสังเกต หากเด็กมีการหายใจลำบาก และต้องถอดออกขณะนอนหลับด้วย และ 3) เด็กอายุมากกว่า 2 ปี สวมหน้ากากได้ เพราะสามารถถอดหน้ากากออกได้เมื่อรู้สึกอึดอัด ยกเว้นเด็กที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเด็กที่มีความบกพร่องทางสมอง พ่อแม่ ควรให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
“สำหรับการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะที่ไม่สามารถดำเนินมาตรการเว้นระยะห่าง หรือมีการระบายอากาศที่ไม่ดี ขณะใช้บริการควรสวมหน้ากากตลอดเวลา ลดการพูดคุย งดกินอาหารและเครื่องดื่มขณะเดินทาง ให้ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ 70 เปอร์เซ็นต์ หลังมีการสัมผัสจุดเสี่ยงร่วมกัน เมื่อกลับถึงบ้านควรอาบน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกัน และประเมินตนเองผ่าน "ไทยเซฟไทย" เพื่อช่วยคัดกรอง ลดความเสี่ยง” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว