พอร์ตหุ้นเดือนกันยายนลดลง 0.7% แต่
ยังดีกว่าตลาดโดยรวมเล็กน้อยในเดือนกันยายน การปรับตัวของดัชนี SET น่าผิดหวังเนื่องจากปัจจัยความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ได้แก่ จังหวะการลดขนาด QE และการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed รวมถึงปัญหาหนี้ของ China Evergrande Group ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าพัฒนาการด้านบวกของสถานการณ์ COVID-19 ในประเทศและการผ่อนคลายมาตรการคุมโรคระบาด ทั้งนี้ ในเดือนกันยายน มีเจ้าหน้าที่ Fed ออกมาเตือนสองสามรอบว่าเงินเฟ้ออาจจะยังค้างอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่คาดเอาไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรวิ่งขึ้นแรงในช่วงปลายเดือน ส่งผลให้ดัชนี dollar index ขยับขึ้นผิดคาด และกดดันมูลค่าหุ้นในเชิงของ earnings yield gap (EYG) สำหรับตลาดภายในประเทศ หุ้นขนาดใหญ่ที่มี free float ต่ำเคลื่อนไหวแบบผันผวนหลังจากที่ ตลท. เปิดเผยว่ามีแผนจะปรับเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นเข้ามาในดัชนี SET50, SET100 และการคำนวณดัชนีต่าง ๆ ของตลาด
พอร์ตหุ้นของเราลดลง 0.7% ในเดือนกันยายน แต่ยัง outperform ดัชนี SET อยู่เล็กน้อย โดย KBANK* (+9.4%) เป็นตัวหลักที่ช่วยพยุบพอร์ตหุ้นของเราเอาไว้ โดยขึ้นตามความคาดหวังด้านบวกต่อกลุ่มธนาคารหลังจากที่ SCB* ประกาศปรับโครงสร้างธุรกิจขนานใหญ่ ส่วนหุ้นอื่น ๆ ในธีม re-opening ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ๆ ซึ่งถือว่าน่าผิดหวัง ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนสะสม YTD ของพอร์ตหุ้นของเราอยู่ที่ 12.4% ดีกว่าของดัชนี SET ที่เพิ่มขึ้น 11.3% เล็กน้อย
มุมมองตลาดเดือนตุลาคม: ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก แนะนำซื้อสะสมช่วงตลาดผันผวน
ในเดือนตุลาคม เราคาดว่าดัชนี SET จะยังคงผันผวนต่อเนื่อง และน่าจะพักฐานในช่วงครึ่งแรกของเดือนเพราะความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกทั้งจากสหรัฐ และจีน ซึ่งจะฉุดรั้งสินทรัพย์เสี่ยงโดยรวมเอาไว้เราคาดว่าการต่อรองในสภา congress ของสหรัฐในประเด็นงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล, เพดานหนี้และแผนการขึ้นภาษีจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายในช่วงกลางเดือนตุลาคม ในขณะที่ China Evergrande Group อาจจะเข้าสู่สถานะ default ถ้าหากไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ภายในสัปดาห์ที่สามของเดือนตุลาคม อย่างไรก็ตาม เราแนะนำให้นักลงทุนซื้อสะสมในช่วงที่ตลาดผันผวนจากสองเหตุผลด้วยกัน ข้อแรก ปัจจัยภายนอกน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น ในขณะที่ FOMC ไม่มีกำหนดประชุมในเดือนนี้ ดังนั้นความกังวลเกี่ยวกับ dot-plot ของ Fed และการขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐน่าจะลดลงข้อที่สอง สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศ และการกระจายวัคซีนมีพัฒนาการไปในทางที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งทำให้แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2565 มี upside มากขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงดูดกระแสเงินทุนทั้งในระยะกลาง และระยะยาวให้กลับเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดัชนี SET ถูกกระทบจากปัจจัยมหภาคภายนอก
ธีมหุ้นเดือนตุลาคม: เน้นหุ้นธนาคารใหญ่, หุ้นในธีม reopening และหุ้นขนาดกลางที่มีแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง เนื่องจากเราคาดว่าดัชนี SET จะฟื้นตัวได้ในเร็ว ๆ นี้ หลังจากที่ถูกฉุดโดยปัจจัยมหภาคโลก และธีมการเปิดประเทศของไทยจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ดังนั้น เราจึงยังคงมองบวกกับหุ้นธนาคารใหญ่อย่างเช่น BBL* และ KBANK* รวมถึงหุ้น domestic ในธีม reopening อย่างเช่น BEM*, CPN*, MAJOR* และ SPA ในขณะเดียวกัน เราได้เพิ่ม ORI* เข้ามาในพอร์ตของเรา เนื่องจากเป็นหุ้นเด่นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นกลุ่มเป้าหมายที่ถูกต้อง และกำไรมีแนวโน้มแข็งแกร่งในปี 2564-65