ประจวบคีรีขันธ์ - กระทรวงท่องเที่ยว ร่วมกับ จังหวัดประจวบฯ สาธารณสุขจังหวัด เทศบาลเมืองหัวหิน พร้อมภาคเอกชน เดินหน้า
นำร่องเปิดเมืองหัวหินรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว เริ่ม 1 ต.ค. นี้ ภายไต้โครงการ หัวหินรีชาร์ท เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว หลังปูพรมฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตามเป้าหมายร้อยละ 70
วันนี้(5 ก.ย.) ที่ห้องประชุมเทศบาลเมืองหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานการแถลงข่าวความคืบหน้าโครงการหัวหิน รีชาร์จ ร่วมด้วย นายศิริศักดิ์ ศิริมังคะลา รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นพ.สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน และนายกรด โรจนเสถียร ประธานโครงการหัวหิน รีชาร์จ ภาคเอกชน
ทั้งนี้ เป็นการแถลงข่าวแบบออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น Zoom โดยภายในห้องประชุมยังมี นานางสาวแสงจันทร์ แก้วปทุมรัศมี ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ นายอิศรา สถาปนเศรษฐ์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานประจวบคีรีขันธ์,นางวาสนา ศรีกาญจนา นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวหัวหิน ชะอำ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่าแผนการเปิดพื้นที่นำร่องรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในระยะที่ 2 ที่จะเริ่มวันที่ 1 ตุลาคม 2564 มี 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จ.เชียงใหม่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ จ.เพชรบุรี และ จ.ชลบุรี หลังจากเปิดไปแล้ว 4 พื้นที่ ได้แก่ ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ จ.ภูเก็ต เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะพีพี เกาะไหง ไร่เลย์ จ.กระบี่ และ เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ เขาหลัก จ.พังงา ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมสนับสนุน โดยเฉพาะการนำเสนอแผนการท่องเที่ยวของแต่ละพื้นที่ให้ ศบค.พิจารณา เพื่อจัดสรรวัคซีนมาให้กับจังหวัดเพิ่มเติม เพื่อฉีดให้ครอบคลุมประชากรตามเป้าหมาย โดยเฉพาะพื้นที่ จ.ประจวบฯ และเพชรบุรี เห็นว่าควรจะมีประชาชนได้รับวัคซีนในภาพรวมของแต่ละจังหวัดไม่น้อยกว่าร้อยละ 70
โครงการหัวหิน รีชาร์จ เป็นความร่วมมือของภาครัฐ ภาคสาธารณสุข และภาคเอกชนในธุรกิจท่องเที่ยวและการบริการ ในพื้นที่อำเภอหัวหิน เพื่อให้เกิดการบริหารจัดการการฉีดวัคซีนแก่ประชาชนในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึง การขอความเห็นชอบจากภาครัฐกำหนดให้ พื้นที่เทศบาลหัวหิน อันประกอบไปด้วย ตำบลหัวหิน และตำบลหนองแก เป็นพื้นที่นำร่อง ที่ได้รับการพิจารณาการจัดสรรวัคซีนอย่างเร่งด่วน ให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด- 19 ครอบคลุมอย่างน้อยร้อยละ 70 ของประชากรในพื้นที่ และให้พนักงานในภาคธุรกิจบริการและการท่องเที่ยวอันถือเป็นบุคคลากรด่านหน้าได้รับวัคซีนครบถ้วน เพื่อสามารถเปิดต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ ให้สามารถเดินทางมาพักในพื้นที่ได้โดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป นำมาซึ่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการจ้างงานทั้งในพื้นที่และภาพรวมของประเทศ
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ในวันที่ 1 ตุลาคมที่จะถึงนี้ จะมีการเปิดอีก 5 จังหวัดท่องเที่ยว ตามนโยบายการเปิดประเทศของนายกรัฐมนตรี จึงได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความพร้อมในแต่ละพื้นที่ โดยวันนี้ได้ลงมาดูความพร้อมของจังหวัดเพชรบุรี และที่อำเภอหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งได้มีการทำโครงการนำร่องเปิดเมืองท่องเที่ยวในชื่อ”หัวหินรีชาร์ท “พบว่าทั้ง 2 จังหวัดมีความพร้อม มีตัวเลขผู้ได้รับวัคซีนเข้าใกล้เป้าหมายร้อยละ 70
สำหรับจังหวัดเพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ซึ่งเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวที่อยู่ติดกัน หากมีการควบคุมการเข้าออกจากทิศเหนือและทิศใต้อย่างเข้มข้น เป็นไปได้หรือไม่ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถท่องเที่ยวได้ 2 จังหวัดแบบไม่มีข้อกำหนด 7+7 เหมือนภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ยิ่งถ้าประชาชนได้รับวัคซีนไปแล้วเกินร้อยละ 70 ก็จะมีความปลอดภัยด้วยกันทุกฝ่าย เพราะจากข้อมูลภูเก็ตแซนต์บอกซ์ ไม่พบนักท่องเที่ยวนำเชื้อไปติดชาวบ้าน หรือชาวบ้านนำเชื้อมาติดนักท่องเที่ยว สิ่งที่ต้องเน้นย้ำคือ ผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับนักท่องเที่ยวจำเป็นต้องได้รับวัคซีนครบแล้ว 100%
โครงการ หัวหินรีชาร์ท แม้จะนำร่องในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหัวหิน แต่ภาพรวมของการเปิดเมืองท่องเที่ยว จะต้องรวมกับอำเภอชะอำจังหวัดเพชรบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวด้านการท่องเที่ยว จะได้ทำการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรับรู้ไปพร้อมกัน ตอนนี้การท่องเที่ยวภายในประเทศก็เริ่มคึกคักมากขึ้นมาประมาณ 3 สัปดาห์ ดังนั้นโครงการ”หัวหินรีชาร์ท” จึงไม่ได้โฟกัสเฉพาะหัวหินอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงชะอำด้วย
ด้านนายยุทธศักด์ ศุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. จะประเมินความพร้อมของแต่ละพื้นที่ในการเปิดเมืองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนโควิดให้คนในพื้นที่อย่างน้อยร้อยละ 70 โดยให้ยึดขั้นตอนปฏิบัติมาตรฐานของภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เป็นเกณฑ์หลัก อย่างไรก็ตาม จากการหารือร่วมกับภาคเอกชนในพื้นที่นำร่องเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 5 จังหวัดในระยะที่ 2 นั้น ภาคเอกชนส่วนใหญ่มีความพร้อมและยืนยันในการเดินหน้าเปิดให้ได้ภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ตามที่กำหนดไว้ ซึ่ง ททท. ยืนยันที่จะพยายามผลักดันให้เปิดให้ได้ตามแผนที่วางไว้เช่นเดียวกัน
รายละเอียดแผนการดำเนินงานอยู่ระหว่างการจัดทำ ในส่วนของ จ.ประจวบฯ มีแนวทางการจัดการพื้นที่ปลอดภัยเพื่อการท่องเที่ยว 5 แผน ได้แก่ แผนการกระจายวัคซีนและสุขอนามัยเพื่อความปลอดภัยของคนในพื้นที่ แผนพัฒนาเมืองระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อตอบสนองพฤติกรรมความต้องการของนักท่องเที่ยวยุคใหม่ แผนการตลาดและการสื่อการตลาด แผนเผชิญเหตุและแผนบริหารความเสี่ยง และแผนการสร้างความเข้าใจให้คนในพื้นที่และนอกพื้นที่ยอมรับการเปิดเมือง
ด้านนพ.สุริยะ คูหะรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ประชากรในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ทั้ง 2 ตำบล ได้แก่ตำบลหนองแก และตำบลหัวหิน ได้รับวัคซีนตามระบบการลงทะเบียนหมอพร้อม และการจัดสรรวัคซีนทางเลือกชิโนฟาร์ม ของที่เทศบาลเมืองหัวหินอีก 55,000 โดส หรือคิดเป็น 27,500 คน ทำให้ตัวเลขผู้ที่ได้รับวัคซีนพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วสอดคล้องกับนโยบายการเปิดเมืองท่องเที่ยว ทำให้มีปะชาชนได้รับวัคซีนโควิด-19 คิดเป็นปริมาณร้อยละ 73.49 และหากจะเปิดเมืองท่องเที่ยวครอบคลุมทุกอำเภอจำเป็นต้องได้รับการจัดสรรวัคซีนอีก 110,000 โดส เพื่อจะทำให้ภาพรวมของทั้งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีประชาชนได้รับวัคซีนเกินร้อยละ 70
นายนพพร วุฒิกุล นายกเทศมนตรีเมืองหัวหิน กล่าวว่า เทศบาลเมืองหัวหิน ได้สนับสนุนวัคซีน 55,000 โดส เพื่อฉีดสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนและบุคลากรภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน มีการจัดสรรงบประมาณจัดซื้อชุดตรวจเอทีเค เพื่อสุ่มตรวจหาผู้ติดเชื้อในสถานที่เสี่ยงต่างๆ เป็นระยะ เช่น ตลาด แหล่งท่องเที่ยว ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดในพื้นที่ และการให้ความรู้แก่ประชาชน มีความเข้าใจเกี่ยวกับสุขลักษณะที่ดี การเว้นระยะห่าง การหมั่นทำความสะอาดฆ่าเชื้อภายในสถานที่ทำงาน บ้าน ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไปกับการฉีดวัคซีน
ขณะเดียวกันนายกรด โรจนเสถียร ประธานโครงการหัวหิน รีชาร์จ ภาคเอกชน กล่าวว่า มาตรฐานแนวทางปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าร่วมโครงการหัวหิน รีชาร์จ เป็นการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แล้วโดยไม่ต้องกักตัว โดยนักท่องเที่ยวจะต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึงสนามบินในประเทศไทยด้วยวิธี RT-PCR จากนั้นเดินทางเข้าห้องพักในโรงแรมที่ได้มาตรฐาน SHA Plus+ ทันทีเพื่อรอผลการตรวจเชื้อโดยไม่มีแวะระหว่างทาง
หากไม่พบเชื้อก็สามารถท่องเที่ยวแบบอิสระหรือซื้อแพกเกจทัวร์เพื่อเดินทางภายในพื้นที่ 86.36 ตารางกิโลเมตรของเทศบาลเมืองหัวหินแบบไม่กักตัวได้ ทั้งนี้ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อให้ครบทั้ง 3 ครั้ง ครั้งที่ 2 คือวันที่ 7 จากนั้นวันที่ 8 เปลี่ยนไปพักโรงแรมอื่นได้ ส่วนการตรวจหาเชื้อครั้งที่ 3 คือวันที่ 13 เมื่อท่องเที่ยวและพำนักในพื้นที่ครบ 14 คืน จึงจะออกไปเที่ยวพื้นที่อื่นในไทยได้ ขณะนี้ผู้ประกอบการมีความพร้อมเต็มที่ ทั้งการฉีดวัคซีนที่จะครบ 2 เข็มทั้งหมดในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ และมาตรฐานของโรงแรม SHA Plus+ มั่นใจว่าหากเปิดเมืองหัวหินได้ คาดว่าในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา 1 แสนคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 1,200 ล้านบาท